บทที่ 6
ขณะที่เว่ยอี้จือกำลังก้าวขึ้นรถม้าเพื่อไปยังที่พัก จู่ๆ เซี่ยหร่านก็ปรากฏตัวขึ้น
เขายืนอยู่หน้าปากประตู ไม่สนใจสายตาทุกคนที่มองมา เอ่ยปากเสียงดังว่า “ท่านอัครเสนาบดีขอเชิญต้าซือหม่าไปพักยังเรือนเฟยเซียน ส่วนตัวท่านจะย้ายไปพักที่เรือนหย่ากวงขอรับ”
หวังจิ้งจือจัดให้เซี่ยซูพักในสถานที่ใหญ่โตกว้างขวาง ในนั้นรวมถึงเรือนพักชื่อดังในจวนสกุลหวังที่ชื่อเฟยเซียนด้วย เซี่ยซูเข้าไปพักแล้ว เรือนเฟยเซียนย่อมจะเป็นห้องพักของนาง แต่นางกลับจะย้ายไปพักที่เรือนหย่ากวงซึ่งอยู่ห่างออกไป แล้วให้เว่ยอี้จือพักที่เรือนเฟยเซียนแทน
ทุกคนเข้าใจว่าอัครเสนาบดีกำลังจะดึงต้าซือหม่ามาเป็นพวก ช่างเจ้าเล่ห์นัก พอเห็นสกุลหวังไม่เทิดทูนต้าซือหม่า เจ้าก็รีบเอาใจเสียเอง
เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน เว่ยอี้จือย่อมต้องทำแบ่งแยกเราเขากับเซี่ยซูให้ชัดเจน “ไม่ได้เด็ดขาด ตำแหน่งข้าไม่ได้ทัดเทียมกับท่านอัครเสนาบดี ไม่อาจรับน้ำใจนี้ได้”
เซี่ยหร่านหัวเราะ พอหัวเราะแล้วก็พูดตัดบทอย่างเฉียบขาด “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะตัดสินใจเองได้ ข้ามาเพียงเพื่อจะถ่ายทอดคำสั่งเท่านั้น ต้าซือหม่า เชิญ!”
เซี่ยซูให้เว่ยอี้จือมาเข้าพักด้วยเพราะมีเหตุผล หวังจิ้งจืออาจแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่าเว่ยอี้จือมาร่วมชุมนุมที่ไคว่จีด้วยได้ แต่นางทำไม่ได้
โดยเปิดเผยแล้ว นางกับเว่ยอี้จือถือเป็นศัตรูกันก็จริง แต่เพื่อแสดงความใจกว้างของผู้เป็นอัครเสนาบดีแล้ว นางย่อมต้องไว้หน้าเว่ยอี้จือบ้าง และโดยส่วนตัวก็ล้วนเรียกขานกันเป็นพี่น้องแล้วนี่
พอเว่ยอี้จือเข้ามาพัก เขาก็พาฝูเสวียนมาที่เรือนเฟยเซียนด้วย ก่อนจะพบว่าเซี่ยซูไม่อยู่ในเรือนจริงๆ พอออกไปหาที่เรือนหย่ากวง มู่ไป๋ซึ่งเฝ้าอยู่ด้านนอกก็บอกเขาว่าเซี่ยซูกำลังอาบน้ำเตรียมตัวจะเข้านอนแล้ว
เว่ยอี้จือดูประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าไม่คอยอยู่รับใช้”
มู่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนดูถูกเขาว่าช่างเป็นคนที่ไม่รู้ประสีประสา “คุณชายข้าทำเช่นนี้มาตลอดนั่นแหละ เขาไม่คุ้นกับการมีคนคอยอยู่ดูแลรับใช้ ทุกครั้งก็ล้วนอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตนเอง”
เว่ยอี้จือได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจได้ เขาได้ยินว่าเซี่ยซูเพิ่งเข้ามาในจวนสกุลเซี่ยเมื่อแปดปีก่อน น่าจะคุ้นเคยกับการทำอะไรๆ ด้วยตนเองแต่แรกแล้ว
หวังจิ้งจือเพิ่งทราบข่าวในคืนนั้น ว่ากันตามตรงแล้ว เรื่องนี้ทำเขาสลดเลยทีเดียว
เพราะเรื่องที่เขาตั้งใจจะไม่สนใจเว่ยอี้จือนั้นถือเป็นกลยุทธ์ถอยเพื่อรุกอย่างหนึ่ง ในความเห็นของเขา เว่ยอี้จือกับเซี่ยซูล้วนถือเป็นศัตรูกัน สองฝ่ายเก่งกาจพอๆ กัน จำต้องมีฝ่ายที่สามเพิ่มเข้ามาเพื่อทำลายสภาพคานอำนาจของทั้งสองฝ่ายนี้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าสกุลหวังนี่เองที่เป็นฝ่ายที่สาม
หากเขาเป็นฝ่ายเข้าหาเว่ยอี้จือก่อน เจรจาจะร่วมมือด้วย ย่อมจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดีที่สุดคือให้เว่ยอี้จือเป็นฝ่ายเข้าหาเขา ดังนั้นเขาจึงจงใจทำทีเป็นสนิทสนมกับเซี่ยซู แล้วทำเป็นเย็นชาต่อเว่ยอี้จือ รอให้อีกฝ่ายทนไม่ไหวแล้วเป็นฝ่ายเข้ามาหาในฐานะที่เป็นญาติกัน
ทว่าเว่ยอี้จือกลับทำนิ่งเฉย ทั้งยังรับไมตรีจากเซี่ยซูเสียอย่างนั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
หรือว่าที่หวังเฉียนพูดมาจะเป็นความจริง
หวังจิ้งจือนั่งอยู่ที่หัวเตียงพลางครุ่นคิดท่ามกลางแสงเทียนวูบไหว สุดท้ายก็สวมเสื้อคลุมแล้วเรียกคนรับใช้ให้ไปตามน้องสาวร่วมอุทรมา