เซี่ยซูรู้ได้ทันทีว่าตนเองถูกผลักให้ตกที่นั่งลำบากแล้ว หากนางไม่ช่วยลู่ซีฮ่วนก็จะผิดใจกับตระกูลทางใต้ แต่ถ้าไม่ช่วยหวังจิ้งจือก็จะผิดใจกับตระกูลทางเหนือ ลู่ซีฮ่วนช่างมีความสามารถในการยุแยงจนได้เรื่องจริงๆ
นางหัวเราะร่าแล้วเอ่ยว่า “ชายหนุ่มขอหญิงสาวแต่งงานนี่เป็นเรื่องดี แต่คนนอกไม่อาจแทรกแซง คุณชายลู่ช่างกล้าหาญนักที่แสดงความในใจออกมาต่อหน้าธารกำนัล ไหนเลยจะต้องให้ข้าออกปากแทน มิสู้ไปเอ่ยปากขอกับท่านเจ้าเมืองหวังเองจะดีกว่า”
หวังจิ้งจือรีบพูดขึ้น “สกุลลู่ร่ำรวยและมีเกียรติ สกุลหวังไหนเลยจะกล้าอาจเอื้อม”
ลู่ซีฮ่วนได้ยินหวังจิ้งจือกล่าวเช่นนั้นก็ไม่พอใจ พวกตระกูลใหญ่ทางเหนือเอาแต่พูดถึงตระกูลทางใต้ว่าร่ำรวยและมีเกียรติ ทว่าพวกเขามิได้มีแต่ความร่ำรวยและมีเกียรติเท่านั้น พวกเขายังมีคนที่มีความสามารถและสง่างามด้วย แต่เหตุใดจึงไม่ได้ไปเป็นขุนนางกับเขาบ้างเล่า เจ้าพวกต่ำช้าสามานย์นี่ช่างตลบตะแลงเก่งนัก!
เซี่ยซูรู้ดีว่าตนเองจะมากน้อยก็ได้ผิดใจกับลู่ซีฮ่วนเสียแล้ว ถึงกระนั้นยามนี้เขาย่อมจะเกลียดชังหวังจิ้งจือยิ่งกว่า ทันใดนั้นนางก็ฉุกคิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้ เรื่องที่เป็นอุปสรรคที่เจี้ยนคัง บัดนี้กลับคลี่คลายอยู่ตรงหน้าแล้ว
มีคนมองเซี่ยซูมาจากฝั่งตรงข้าม นางเงยหน้าขึ้นมองไปก็เห็นหวังลั่วซิ่วรีบหลบตาเป็นพัลวัน เว่ยอี้จือที่อยู่ข้างๆ สีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่เชิง สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยแววขบขันยั่วเย้า
ตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ เซี่ยซูไม่ได้แสดงความสนใจในตัวหวังลั่วซิ่วผู้นี้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงความสับสนในแววตาของอีกฝ่าย ส่วนเว่ยอี้จือนั้นนางรู้สึกว่าเขากำลังล้อเลียนที่นางถูกลู่ซีฮ่วนจ้องเล่นงาน
การละเล่นไหลจอกตามน้ำเป็นอันต้องสะดุดเพราะการขอแต่งงานของลู่ซีฮ่วน เซี่ยซูรู้สึกว่าน่าจะหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงจงใจพูดกับเว่ยอี้จือที่อยู่ตรงหน้าราวกับอยากจะเอาคืนเขา “ได้ยินว่าอู่หลิงอ๋องเก่งกาจในวิชาบู๊เหนือใคร แต่ก็ไร้วาสนาจะได้ชมกับตาตนเองมาโดยตลอด วันนี้แขกผู้มีเกียรติมารวมตัวกันเช่นนี้ ท่านจะช่วยแสดงฝีมือให้พวกเราเปิดหูเปิดตาได้หรือไม่”
เว่ยอี้จือยิ้มแล้วเอ่ยว่า “วันนี้อยู่ในหมู่บัณฑิต ไม่สะดวกจะรำดาบรำทวน ท่านอัครเสนาบดีอย่าทำให้ข้าต้องลำบากใจเลย”
เซี่ยซูยังอยากจะตอแยเขาอีก ทว่าตอนที่หันไปมองเขา จู่ๆ นางก็เหลือบเห็นลู่ซีฮ่วนมีสีหน้าดูลนลาน ทั้งยังคอยลอบมองเว่ยอี้จือเป็นครั้งคราว ท่าทางเหมือนหวาดกลัวเขามากทีเดียว
หืม…หรือว่าเขาจะกลัวเว่ยอี้จือ?
เวลานี้ท่านผู้อาวุโสจากสกุลหลิวก็ทนเห็นลูกหลานขุนนางเจ้าเล่ห์มาบังคับกะเกณฑ์ขุนนางดีไม่ได้ จึงพูดแทรกขึ้นด้วยใจกระหายความเป็นธรรม “อู่หลิงอ๋องพูดถูกแล้ว ในเมื่ออยู่ท่ามกลางบัณฑิตก็ควรที่จะทำการเยี่ยงผู้มีความรู้ ข้าพกยาเซียนมาด้วยหลายเม็ด ขอเชิญทุกท่านลองกินด้วยกัน”
พูดว่า ‘ยาเซียน’ แต่อันที่จริงเป็นผงห้าศิลา ที่กินแล้วทำให้เคลิบเคลิ้มเมามาย ในอาณาจักรต้าจิ้นมีคนมากมายที่แสวงหาการเป็นเซียน เมื่อบอกว่ากินสิ่งนี้แล้วจะได้กลายเป็นเซียน ดังนั้นทุกคนจึงยินดีกิน แม้แต่คนหนุ่มอย่างหวนถิงก็ยังทำสีหน้าคาดหวังรอคอย
สาวใช้รับยาลูกกลอนแล้วนำออกมาแจกจ่าย ท่านผู้อาวุโสหลิวยิ้มจนตาหยีแล้วพูดเสริมว่า “กินแล้วตัวเบาดุจนางแอ่น ราวกับล่องลอยดั้นเมฆได้ เหมือนได้เกิดใหม่เลยทีเดียว”