รถม้าของเว่ยอี้จือยังแล่นไปได้ไม่ไกลนัก ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องโหวกเหวกจากทางเบื้องหลัง เขาจึงให้หยุดรถก่อน
เหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว หากจุดมุ่งหมายของลู่ซีฮ่วนคือกลุ่มคนทั้งหมดในที่นั้น ก็ไม่น่าจะทำเอิกเกริกเช่นนี้
“ฝูเสวียน เจ้าไปดูสถานการณ์ทางนั้นหน่อย แล้วไปดูว่าลู่ซีฮ่วนยังอยู่หรือไม่”
“ขอรับ” ฝูเสวียนรับคำสั่งแล้วออกไป
เพียงไม่นานหวังจิ้งจือก็นำกลุ่มคนออกเดินตามหาคนด้วยตนเอง เมื่อเห็นรถม้าของเว่ยอี้จือยังจอดอยู่กลางทางก็รีบเข้าไปถามไถ่ “อู่หลิงอ๋องรีบกลับไปเถอะ ท่านอัครเสนาบดีถูกโจรจับตัวไปแล้ว ที่นี่ไม่เหมาะจะรั้งอยู่นาน”
เว่ยอี้จือดูตกใจอยู่บ้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าเป้าหมายของลู่ซีฮ่วนจะเป็นเซี่ยซูเพียงผู้เดียว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยว่า “ขอบคุณท่านเจ้าเมืองที่เตือนให้รู้ เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับแล้ว”
หวังจิ้งจืออยากจะให้แบ่งกำลังคนคอยคุ้มกันส่งเว่ยอี้จือกลับ แต่เขาโบกมือปฏิเสธ “ข้ายังปกป้องตัวเองได้ ท่านเจ้าเมืองรีบไปตามหาท่านอัครเสนาบดีเถอะ”
“ที่อู่หลิงอ๋องว่ามาก็ถูกต้องแล้ว เช่นนั้นก็ขอให้ท่านระวังตัวให้มากหน่อย” หวังจิ้งจือรั้งสายบังเหียนแล้วหันหัวม้ารีบนำกลุ่มคนจากไปทันที
ฝูเสวียนกลับมารายงานว่า “ท่านเจ้าเมืองหวังให้คนคอยคุ้มกันใต้เท้าทุกคนกลับไปโดยใช้เส้นทางลัดแล้วขอรับ ลู่ซีฮ่วนก็รวมอยู่ในนั้นด้วย”
เว่ยอี้จือพยักหน้าพลางถอยกลับไปขึ้นรถเปลี่ยนไปสวมชุดชาวหูแขนกระชับและรองเท้าหุ้มข้อที่ดูทะมัดทะแมง ก่อนจะหยิบคันธนูและแส้ยาวออกมา โดดลงจากรถม้าแล้วสั่งให้สารถีปลดม้าเทียมรถออกมาให้เขาตัวหนึ่ง
ฝูเสวียนรีบเอ่ยถาม “จวิ้นอ๋องจะไปที่ใดหรือขอรับ”
“หากมีผู้ใดถามก็บอกว่าข้าไปล่าสัตว์แล้วกัน” เว่ยอี้จือจัดชายแขนเสื้อให้ดี แล้วเหน็บแส้ยาวไว้ที่เอว “เรื่องนี้จะให้แพร่งพรายออกไปไม่ได้ ข้าคำนวณเวลาดูแล้ว อีกสองชั่วยาม หากข้ายังไม่กลับมาก็ไปขอให้หวังจิ้งจือมาช่วย ข้าจะทิ้งสัญลักษณ์ไว้ตามรายทาง”
“ขอรับ”
เว่ยอี้จือพลิกร่างขึ้นหลังม้าแล้วควบม้าตะบึงไปทางหลันถิง
หากว่ากันตามที่เห็น ใครๆ ก็รู้ว่าเขากับเซี่ยซูถือเป็นศัตรูกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งจะหักหน้าอีกฝ่ายต่อหน้าผู้คนด้วยการออกจากงานเลี้ยงก่อนงานจะเลิก ดูแล้วน่าสงสัยเป็นอย่างมาก
แต่หากว่ากันให้ลึกซึ้งแล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับเซี่ยซูเช่นนี้ สกุลหวังย่อมถือเป็นฝ่ายเสียหาย เหลือเขาเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว จะช้าหรือเร็วฮ่องเต้ย่อมต้องนึกกลัว ในที่สุดก็จะต้องหาทางกำจัดเขาในท้ายที่สุด
มีเพียงถ่วงดุลอำนาจเอาไว้จึงจะเป็นหนทางในการรักษาชีวิตเอาไว้ได้
แต่ต่อให้เว่ยอี้จืออยากจะไปช่วยเซี่ยซูเพียงใดก็จำต้องกระทำการอย่างลับๆ แม้ตระกูลทางฝ่ายใต้จะถูกกีดกัน แต่เรื่องของอำนาจกลับไม่อาจดูแคลนได้ อย่างไรเสียแถบไคว่จีนี้ก็ถือเป็นถิ่นเก่าของสกุลลู่ อำนาจย่อมจะหยั่งรากลึกอย่างซับซ้อน ทั้งยังมีสกุลกู้ สกุลจาง และสกุลจูอีกสามตระกูลคอยซุ่มรอจังหวะในการลงมืออยู่ใกล้ๆ อีก เขาเองก็ไม่นึกอยากดึงผู้คนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
โปรดติดตามตอนต่อไป…