เซี่ยซูที่อยู่ในรถม้าถึงกับจามติดๆ กันหลายหน แล้วหลับต่อ
พวกเขาเดินทางผ่านเขตพื้นที่ของเมืองซินอันมานานแล้ว สามารถมองเห็นเมืองไคว่จีได้แต่ไกล ด้านหนึ่งมู่ไป๋คอยป้องกันสายตาผู้คนที่มองสอดส่องมา อีกด้านก็ต้องคอยเอ่ยเตือนเซี่ยซูอย่างขมขื่น “คุณชาย รักษากิริยาด้วย นั่งให้ดีๆ ขอรับ!”
เซี่ยซูยังคงใช้พัดจีบปิดหน้าทำเป็นไม่ได้ยิน ท่าทางราวกับจะนอนชดเชย หลังจากไม่ได้นอนเต็มอิ่มเพราะต้องเข้าเฝ้ายามเช้าติดๆ กันหลายวันอย่างไรอย่างนั้น
วันที่ไปถึงไคว่จี อากาศขมุกขมัว เมฆลอยต่ำ ขอบฟ้าราวกับถูกละเลงด้วยโคลนเลน เห็นเพียงแสงสีเหลืองจางๆ ด้านล่างคือภาพอันงดงามของทุ่งหญ้าเขียวขจีและดอกไม้นานาพรรณ มองเห็นหอคอยสูงตั้งตระหง่านราวกับเป็นส่วนหนึ่งในภาพวาดน้ำหมึก ดูเรียบง่ายงดงามไม่เหมือนใคร
ทหารบนหอคอยเห็นขบวนรถม้าและผู้คนก็รีบไปรายงานทันที
ไม่นานหวังจิ้งจือก็นำกลุ่มคนออกมาต้อนรับอย่างเอิกเกริก
คนในตระกูลชั้นสูงที่คุ้นเคยกันนานแล้วต่างทักทายเขา เทียบกับเซี่ยซูที่มีชื่อเสียงด่างพร้อยแล้ว หวังจิ้งจือต่างหากที่สมกับเป็นลูกหลานจากชนชั้นสูงจริงๆ ท่าทางของเขาโดดเด่น วางตัวสง่างาม มีความสามารถแต่ไม่เย่อหยิ่ง มีคุณธรรมแต่ไม่โอ้อวด
ส่วนเสนาบดีเซี่ยนั้นเล่า…ก็เป็นเจ้าคนที่กล้าจับนกกระเรียนมาต้มกินน่ะสิ!
มู่ไป๋เห็นหวังจิ้งจือเดินมุ่งมาหาก็รีบปลุกเซี่ยซู ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงหลับเป็นตาย ทั้งยังรำคาญมู่ไป๋ ถึงขั้นออกปากขู่เข็ญ “ถ้ายังเอะอะโวยวายอีก ข้าจะโยนเจ้าให้เต่ากิน!”
มู่ไป๋แทบหลั่งน้ำตาอาบหน้า “เบาๆ หน่อยขอรับคุณชาย รักษากิริยา รักษากิริยาด้วย!”
เซี่ยหร่านรู้สึกว่าสถานการณ์ด้านหน้าดูแปลกพิกล เขาไม่สะดวกจะออกหน้า จึงเรียกกวงฝูให้ถ่ายทอดคำสั่งไปถึงคนรับใช้ใกล้ชิดของสกุลเซี่ย ให้พวกเขาช่วยกันไปขวางหวังจิ้งจือที่ด้านหน้าไว้ก่อน แล้วค่อยมาแจ้งแก่มู่ไป๋ว่าต้องปลุกเซี่ยซูให้ตื่นให้ได้…ต่อให้ต้องใช้น้ำสาดก็ต้องทำ
มู่ไป๋ไหนเลยจะกล้าสาดน้ำใส่เจ้านาย สาดแล้วก็ต้องเปียกม่อล่อกม่อแล่ก มิยิ่งดูแย่กว่าเดิมหรือ
เว่ยอี้จือลงจากรถม้า เขาเห็นหวังจิ้งจือเดินตรงมาแต่ไกลแล้ว เขาจึงหันไปมองรถม้าของเซี่ยซู เดิมทีคิดว่าที่อีกฝ่ายนิ่งเฉยอยู่นานคงแค่คิดจะทำท่าวางโตเท่านั้น ใครเลยจะรู้ ทันทีที่ลมพัดจนม่านรถมุมหนึ่งพะเยิบพะยาบขึ้น เขาจึงเห็นว่ามู่ไป๋กำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว
เขาคิดว่าคงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเซี่ยซูแต่ไม่อาจบอกออกมาได้ จึงสั่งให้ฝูเสวียนไปคอยกันคนอื่นๆ เอาไว้ก่อน ส่วนตนเองลอบเดินไปทางรถม้าของเซี่ยซู
เวลานี้ทุกคนต่างก็หันไปสนใจหวังจิ้งจือกันหมด จึงไม่มีใครสนใจทางด้านเซี่ยซูสักนิด เว่ยอี้จือเดินเร็วมาก จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถม้าของเซี่ยซูได้อย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง
“หรูอี้”
เซี่ยซูที่ถูกมู่ไป๋กวนอยู่นานจนใกล้จะตื่นอยู่แล้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินคนเอ่ยเรียกชื่อ ตอนแรกนางนิ่งงันไปก่อน จากนั้นจึงค่อยได้สติกลับมา