เซี่ยซูพูดกับหวนถิงว่า “คราวนี้ก็รู้แล้วสินะว่านางมีความรู้กว้างขวางเพียงใด ดูซิว่าเจ้ายังจะกล้าพูดจาพล่อยๆ อีกหรือไม่”
หวนถิงรีบลุกขึ้นหันไปคำนับหวังลั่วซิ่ว แสดงท่าทียอมพ่ายแพ้แต่โดยดี ยิ่งทำให้ทุกคนพากันหัวเราะไม่หยุด
พักผ่อนกันพอสมควรแล้วก็ออกเดินทางต่อ
ก่อนจะแยกย้ายไปตามรถม้าก็กล่าวลาเพื่อไปเตรียมตัว เว่ยอี้จือจงใจเดินช้ากว่าคนอื่นแล้วพูดกับเซี่ยซูว่า “ที่หวังลั่วซิ่วเล่านั้นเป็นความจริง ตระกูลทางใต้มีอำนาจมาก ถึงจับตัวพวกเขาไว้ เจ้าก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เจ้าวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อ”
เซี่ยซูทอดถอนใจ “หยั่งรากมานานเป็นร้อยปี ไหนเลยจะถอนรากได้ง่ายๆ คานอำนาจได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่อย่างน้อยก็ต้องรู้ให้ได้ว่าจุดมุ่งหมายของพวกเขาเป็นเช่นไร”
เว่ยอี้จือพยักหน้าน้อยๆ “เจ้าเองก็ไม่ควรเป็นกังวลเกินไป หากต้องการความช่วยเหลืออันใดก็ยังมีข้าอยู่”
สำหรับทั้งสองคนเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกตระกูลทางใต้แล้วก็เปรียบเสมือนลงเรือลำเดียวกันอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เซี่ยซูก็รู้สึกพึงพอใจจริงๆ
“อืม ข้าจะจำไว้”
ใกล้จะถึงเมืองเจี้ยนคังแล้ว ทุกคนก็ผ่อนคลายสบายใจ มีคนเสนอให้ยังไม่ต้องกลับเข้าเมืองหลวงสักพัก แล้วไปเที่ยวชมยังเมืองใกล้เคียงเมืองหลวงเสียก่อน
เว่ยอี้จือได้ท่องเที่ยวไปจนทั่วทุกเมืองใกล้เคียงที่อยู่รอบเมืองเจี้ยนคังจนครบตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว เขาย่อมไม่อยากไป แต่หยางจวี้พยายามจะพาเขาไปด้วยให้ได้ หวนถิงชักชวนอัครเสนาบดีไม่สำเร็จจึงมาโน้มน้าวเขาแทน ทั้งยังพูดชักแม่น้ำทั้งห้าอยู่นาน ในที่สุดเขาจึงยอมร่วมทางไปเที่ยวเล่นด้วย
เซี่ยซูเห็นว่าที่ยังอยู่ก็มีแต่ผู้อาวุโสที่แทบไม่อยากจะขยับตัวไปไหนก็ได้แต่เอามือกุมหน้าผาก
นางจำต้องกลายเป็นผู้โดดเดี่ยวเสียอย่างนั้น…
คนที่เหลือส่วนมากล้วนเข้าเมืองไปก่อน เว่ยอี้จือเองก็สั่งให้ฝูเสวียนคุ้มกันหวังลั่วซิ่วไปส่งยังจวนต้าซือหม่า ทว่านางคงไม่ค่อยสบายใจนักที่จะเป็นฝ่ายไปหาเซียงฮูหยินด้วยตนเองจึงบอกให้จอดรอเว่ยอี้จือก่อน
เซี่ยซูกำลังจะจากไป หวังลั่วซิ่วก็เลิกม่านแล้วเรียกนางไว้
“ขอถามท่านอัครเสนาบดีสักเรื่อง บัดนี้กวงลู่ต้าฟู ยังอาศัยอยู่ที่ตรอกอูอีหรือไม่”
เซี่ยซูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “อยู่ที่ตรอกอูอี ไม่ไกลจากจวนสกุลเซี่ยเท่าใด”
หวังลั่วซิ่วเอ่ยขอบคุณแล้วกล่าวต่อว่า “หวังมู่เป็นท่านอาของข้าเอง อีกไม่กี่วันข้าก็จะไปเยี่ยมท่านอาแล้ว แต่ข้าไม่ได้มาเจี้ยนคังนาน จึงไม่ทราบว่าเขาย้ายที่พักไปแล้วหรือยัง”
เซี่ยซูพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบางๆ อันที่จริงนางไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เหตุใดจึงต้องมาถามนางด้วย บอกให้คนรับใช้ของตนเองไปสืบถามดูก็ได้นี่ ฝูเสวียนก็ยืนอยู่ตรงนั้นมิใช่หรือ
หวังลั่วซิ่วยังพูดกับเซี่ยซูอีก ล้วนแต่เป็นเรื่องสัพเพเหระที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เซี่ยซูเห็นแก่หน้าหวังจิ้งจือจึงอดทนคอยตอบคำถาม ในใจยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นทุกที เหตุใดจึงรู้สึกว่านางพยายามรั้งตัวข้าไว้ไม่ยอมให้จากไป