การมาถึงของหวังลั่วซิ่วจะมีใครยินดีเท่ากับเซียงฮูหยินอีก ท่านผู้อาวุโสเอ่ยเรียกนางว่า ‘หลานสาว’ อย่างสนิทสนมรักใคร่
พ่อบ้านเห็นนางทำปากเหมือนจะเรียกหวังลั่วซิ่วว่าลูกสะใภ้อยู่หลายครา แต่จำต้องข่มใจเก็บคำเรียกนั้นไว้ก่อน
เซียงฮูหยินคิดถึงแต่เรื่องอุ้มหลานจนร้อนใจไปหมดแล้ว…
หวังลั่วซิ่วย่อมเป็นที่รักใคร่แน่อยู่แล้ว ด้วยนางมีนิสัยสุขุม ไม่ได้ดูเย่อหยิ่งเช่นพวกลูกหลานตระกูลใหญ่ทั่วไปเลยสักนิด ทั้งยังมีความรู้ดี ยามพูดคุยกับเซียงฮูหยินก็ดูเห็นพ้องกลมกลืนไปกันหมด บางครั้งยังเล่าเรื่องขบขันเย้าแหย่ให้ผู้อาวุโสหัวร่องอหาย
น่าพอใจ น่าพอใจยิ่งนัก!
เซียงฮูหยินคิดไว้ว่าจะหาโอกาสพูดกับเว่ยอี้จือสักหน่อย ว่าเขาเลือกสะใภ้มาได้ดีจริงๆ จะต้องรีบคว้าตัวสะใภ้ผู้นี้ไว้ให้มั่นเชียว
ไหนเลยจะรู้…เว่ยอี้จือกลับพาหวังลั่วซิ่วเข้าวังไปเสียอย่างนั้น
เซี่ยซูไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้ว ยามที่นางกำลังจะออกจากวังก็บังเอิญได้พบเว่ยอี้จือกับหวังลั่วซิ่วกลางทาง
“คารวะท่านอัครเสนาบดี” หวังลั่วซิ่วคำนับอย่างนอบน้อม
เซี่ยซูประคองให้นางลุกขึ้น แล้วถามเว่ยอี้จือด้วยความสงสัย “อู่หลิงอ๋องจะไปที่ใดกัน”
“ไปพบไทเฮา”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”
ดูจากชาติกำเนิดของหวังลั่วซิ่วแล้ว การจะไปพบกับไทเฮาซึ่งมาจากตระกูลเดียวกันก็ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เว่ยอี้จือทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่ฉลาด รู้จักปกป้องตนเอง บัดนี้เขามีตำแหน่งสูงมีอำนาจมาก ย่อมจะต้องรอบคอบเรื่องการแต่งงาน เรื่องจะผูกสัมพันธ์กับสกุลหวังยังต้องดูว่าฮ่องเต้จะเห็นชอบด้วยหรือไม่อีก
เซี่ยซูมองหวังลั่วซิ่ว นางดูสุขุมไม่กระโตกกระตาก ไม่รู้ว่านางเข้าใจเจตนาของเว่ยอี้จือหรือไม่
พอลาจากสองคนนั้นมา เซี่ยซูเพิ่งออกจากวัง มู่ไป๋ก็เสนอหน้ามาทันที เขาถามอย่างกระหายใคร่รู้ “คุณชาย คืนนี้ให้บ่าวไปสอบสวนเล่ออันหรือไม่”
เซี่ยซูเห็นเขาทำท่าทางเช่นนี้ก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “อย่าทำให้ถึงตายเล่า”
มู่ไป๋พึมพำว่า “คุณชายโปรดวางใจ บ่าวมีแผนอยู่ในใจแล้ว จะต้องได้ตอบแทนนายท่านผู้ล่วงลับ และให้สาสมกับบาดแผลที่บ่าวถูกฟันสองแผลนั้นทีเดียว”
“…”
บัดนี้เล่ออันมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสำนักตรวจการ ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบ ไม่คิดเลยว่าเขายังไม่ทันได้ตรวจสอบการกระทำความผิดของผู้อื่น ตนเองกลับถูกจับตัวไปไว้ในคุกหลวงเสียแล้ว ทั้งยังถูกจับตอนกลางวันแสกๆ อีกด้วย
รอจนเขาถูกขึงพืดบนเครื่องทรมาน ประจันหน้ากับมู่ไป๋ที่ดูกระเหี้ยนกระหือรือ นอกจากจะก่นด่าสกุลเซี่ยที่ใช้อำนาจอย่างชั่วร้ายแล้วก็ไม่อาจทำอะไรอื่นได้อีก
เซี่ยหร่านทำการสิ่งใดล้วนสุภาพ จึงไม่ชมชอบเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ เขาบอกให้มู่ไป๋กับเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์สองคนลงมือไปก่อน ส่วนเขาจะกลับเข้ามาอีกในครึ่งชั่วยาม
เล่ออันแม้จะยังหนุ่มแน่น แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างพวกคุณชาย ไหนเลยจะทนการถูกทรมานได้ ไม่ต้องพูดถึงครึ่งชั่วยามเลย แค่หนึ่งถ้วยชา ก็ทนไม่ไหวจนสลบเหมือดไปแล้ว
เซี่ยหร่านเอาผ้าเช็ดหน้าอุดจมูกแล้วเดินเข้าไปหา ลองเปิดเปลือกตาเล่ออันดู แล้วพูดเรียบๆ ว่า “เขายังไม่ตาย ไม่เป็นไรหรอก”
มู่ไป๋ตัวสั่น ภาพคุณชายหร่านในใจเขาพลันดูยิ่งใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว