ในการเข้าเฝ้ายามเช้า เหล่าขุนนางต่างพูดคุยกันเรื่องราชกิจ ยามที่ฮ่องเต้เรียกหัวหน้าสำนักตรวจการแล้วไม่มีเสียงขานรับ พระองค์จึงอดสงสัยไม่ได้ “เล่ออันเล่า”
คนปากมากผู้หนึ่งเดินออกจากแถวพลางกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท เมื่อวานกระหม่อมเห็นใต้เท้าเล่ออันถูกเซี่ย…”
เซี่ยซูกวาดตามองคนผู้นั้นเงียบๆ
“อา แต่พอมาคิดดูอีกที เหมือนกระหม่อมจะตาฝาดไปเองพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางผู้นั้นรีบมุดกลับเข้าแถวไป อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจเลยทีเดียว
ฮ่องเต้จ้องเซี่ยซูเขม็ง เม้มปากไม่ได้กล่าวอะไร
เซี่ยซูมองไปอย่างไม่สะทกสะท้าน นางประสานมือกล่าวว่า “สีพระพักตร์ฝ่าบาทดูไม่ใคร่ดี คงเพราะตรากตรำราชกิจหนักเกินไป ขอทรงถนอมพระวรกายด้วย ให้เลิกเข้าเฝ้าเร็วหน่อย แล้วเสด็จกลับวังไปทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ฟังเซี่ยซูพูดแล้วเกือบจะหลุดปากบริภาษออกไป เราอยากจะเลิกให้เข้าเฝ้าเมื่อใดเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!
ไหนเลยจะรู้ว่าเหล่าขุนนางข้างล่างต่างคุกเข่าลงเกือบครึ่งหนึ่ง ต่างประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียงกัน “ฝ่าบาททรงถนอมพระวรกายด้วย!!!”
ฮ่องเต้ถึงกับหนวดกระตุก พระองค์ลุกขึ้นแล้วเดินอาดๆ ออกไป เสียงกงกงรีบร้องบอกว่า “เลิกเข้าเฝ้าได้” แล้วรีบเดินตามไป
ยามที่เซี่ยซูออกจากวัง มู่ไป๋ก็รออยู่ข้างรถม้าแล้ว สีหน้าเขาดูไม่ค่อยพอใจนัก เดินตรงเข้ามาบอกว่า “คุณชาย เล่ออันผู้นั้นปิดปากแน่นทีเดียว ง้างอย่างไรก็ง้างไม่ออกขอรับ”
“หืม?” เซี่ยซูท่าทางประหลาดใจ “ไม่คิดเลยว่าเขาจะทนไหว ข้าไปดูเองดีกว่า”
เว่ยอี้จือเพิ่งออกจากประตูวังพอดี เห็นรอบด้านไม่มีใครจึงเอ่ยเรียกเซี่ยซูไว้
“เรื่องเล่ออันได้ความอะไรบ้าง”
“ยังไม่ได้เลย ข้าว่าจะไปด้วยตนเองพอดี”
เว่ยอี้จือครุ่นคิดก่อนเอ่ย “เช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย ดูว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”
เซี่ยซูยิ้มเอ่ย “เกรงว่าจะทำให้เล่ออันสงสัยเอาได้น่ะสิ”
“แล้วเจ้าว่าข้าจะช่วยอะไรเจ้าได้บ้างเล่า”
เซี่ยหร่านยังคงเพียรให้บทเรียนกับเล่ออันไม่หยุด แม้เล่ออันจะดูเย่อหยิ่งเพียงใด แต่ยามที่เขากระทำการใดล้วนมีความมุ่งมั่น เซี่ยหร่านจึงสั่งให้คนไปจับสมาชิกในครอบครัวเล่ออันซึ่งมีทั้งเด็กและผู้เฒ่ามาข่มขู่ แม้แต่ลูกกระต่ายสองตัวที่บุตรชายเขาเลี้ยงไว้ก็ยังไม่ละเว้น
เล่ออันถูกทรมานด้วยวิธีการอันเจ็บแสบของสกุลเซี่ย จนเหงื่อเย็นไหลชุ่มหน้าผาก ถึงกระนั้นเขาก็ยังกัดฟันแน่นไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
เซี่ยซูผู้อยู่หลังม่านค่อยๆ ปรากฏกายออกมาตรงประตูคุก ยังไม่ทันได้เข้าไปข้างใน นางก็เห็นว่าเสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นไปทั่ว เต็มไปด้วยคราบเลือด นางจุ๊ปากแล้วส่ายหน้าไปมา “ใต้เท้าเล่อ เจ้าทนเช่นนี้ทำไมกันเล่า”
นางเดินเข้าไปโดยแสร้งทำเป็นโบกพัดให้เขาอย่างใจดี “ข้าเองก็จนปัญญาเช่นกัน เจ้าก็แค่บอกจุดมุ่งหมายของลู่ซีฮ่วนมาแต่โดยดีเถอะ จะได้ทรมานน้อยลงหน่อย”
เล่ออันเห็นเซี่ยซูสวมชุดขุนนางเต็มยศ สีหน้าประดับรอยยิ้ม ขณะที่เขากลับมีสภาพสะบักสะบอมเช่นนี้ เพียงคิดว่าเขาถูกเล่นงานโดยขุนนางเจ้าเล่ห์ที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยจนมีสภาพเช่นนี้ก็อดจะเดือดดาลในใจไม่ได้ เขายื่นมือไปคว้า “ข้าไม่ได้สมคบคิดกับลู่ซีฮ่วน เจ้าจะถามอีกหมื่นครั้งข้าก็ไม่สารภาพ!”