ลำคอเซี่ยซูพลันถูกกระชาก นางรีบถอยหลังหลบออกมา แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บแสบบริเวณลำคอ ดีที่เล่ออันมีโซ่ล่ามเอาไว้ มิเช่นนั้นนางคงถูกเขาบีบคอตายเป็นแน่!
มู่ไป๋ก้าวไปหาทันที กำลังจะลงมือกับเล่ออัน เว่ยอี้จือก็แทรกตัวเข้ามาในห้องขัง
“ใต้เท้าเล่อตกอยู่ในมือของท่านอัครเสนาบดีแล้วจริงๆ” สีหน้าเว่ยอี้จือดูเย็นชา ท่าทางน่าเกรงขามยิ่งนัก “ท่านเป็นหัวหน้าของขุนนางทั้งหลาย จะใช้การลงทัณฑ์ลับๆ ข่มขู่ขุนนางได้อย่างไร”
พอเล่ออันเห็นขุนนางดีปรากฏตัวก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที เขาร้องเสียงดังว่า “อู่หลิงอ๋องช่วยข้าด้วย! ข้าถูกปรักปรำ!”
“ท่านอัครเสนาบดีได้ยินหรือไม่ เหตุใดยังไม่ปล่อยตัวเขาอีก ไม่กลัวว่าข้าจะไปฟ้องร้องกล่าวโทษเจ้าต่อหน้าพระพักตร์หรือ”
เซี่ยซูหัวเราะเสียงเย็น “เล่ออันสมคบกับลู่ซีฮ่วนลอบทำร้ายข้า ข้าก็แค่เอาตัวเขามาสอบถามดูเท่านั้น อู่หลิงอ๋องไหนเลยจะเห็นว่าเป็นการลงทัณฑ์ลับๆ ไปได้เล่า”
เล่ออันร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงร้อนรน “อู่หลิงอ๋องช่วยด้วย ท่านมาดูสิ ข้าบาดเจ็บไปทั้งตัวแล้ว!”
เว่ยอี้จือใช้สายตากล่าวโทษเซี่ยซู
เซี่ยซูได้แต่ไหวไหล่ “ในคุกมีผู้คุมใจร้าย ข้าไม่ได้สั่งให้ทำเสียหน่อย เขาลงโทษคนจนเคยชินแล้ว เห็นคนเพิ่งเข้าคุกมาก็ให้บทเรียนสักหน่อย นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติมากมิใช่หรือ”
เล่ออันฟังแล้วลมแทบจับ ได้แต่อ้อนวอนเว่ยอี้จือทั้งน้ำตา “อู่หลิงอ๋องช่วยข้าด้วย”
เว่ยอี้จือไม่พูดเล่นกับเซี่ยซูอีก เขาเรียกฝูเสวียนเข้ามาเพื่อให้ปล่อยตัวคน
“ข้าจะเอาตัวใต้เท้าเล่อไปแล้ว ท่านอัครเสนาบดีมีอะไรก็มาพูดกับข้าโดยตรงแล้วกัน”
“ก็ได้” เซี่ยซูหัวเราะเสียงเย็น “แต่ขอให้อู่หลิงอ๋องปกป้องเขาได้ตลอดชีวิต และมีปัญญาทำเช่นนั้นไปได้ตลอดก็แล้วกัน”
เล่ออันเพิ่งจะได้แก้มัด พอฟังประโยคนี้แล้วก็เข่าอ่อน เขาแอบร้องโอดครวญกับตนเองว่าแย่แล้ว กลัวก็แต่ว่าสุดท้ายนอกจากจะเอาตัวไม่รอดแล้วยังจะทำให้อู่หลิงอ๋องต้องพลอยลำบากไปด้วย คิดได้เช่นนี้เขาก็อดรู้สึกผิดต่ออู่หลิงอ๋องไม่ได้
เว่ยอี้จือเข้าไปประคองเล่ออันด้วยตนเอง ทั้งยังกระซิบปลอบใจอีกฝ่ายว่า “สกุลเว่ยและสกุลเล่อมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาหลายชั่วรุ่นแล้ว ข้าย่อมต้องช่วยใต้เท้าเล่อเอาไว้ อีกอย่าง ไม่เห็นท่านต้องละอายใจต่อฟ้าดินเลย เหตุใดต้องหวาดกลัวกับคำขู่ของขุนนางฉ้อฉลด้วยเล่า”
เล่ออันได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ ในใจหวั่นไหวไม่เป็นสุข
ฝูเสวียนประคองเล่ออันออกไปแล้ว เซี่ยซูก็พูดกับเซี่ยหร่านว่า “เจ้ากลับไปก่อน ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ ก็ให้อู่หลิงอ๋องลองใช้ไม้อ่อนดู”
เมื่อครู่เซี่ยหร่านก็รอดูท่าทีอยู่เช่นกัน เห็นเซี่ยซูไม่แม้แต่จะห้ามปรามเรื่องปล่อยตัวเล่ออันก็ยังนึกสงสัย ถึงตอนนี้จึงเพิ่งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาจึงโค้งคำนับแล้วออกไป
เซี่ยซูพามู่ไป๋ออกมาด้วย พร้อมเดินออกไปกับเว่ยอี้จือ และกระซิบสั่ง “จ้งชิงต้องคอยจับตาดูเล่ออันไว้ให้ดี เขายอมทนเจ็บถึงเพียงนี้ เกรงว่าลู่ซีฮ่วนคงมีความลับสำคัญซ่อนไว้ หาโอกาสได้เมื่อใดเขาจะต้องหนีไปแน่”
เว่ยอี้จือพยักหน้า ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นรอยแผลที่ลำคอของเซี่ยซู เขาจึงยื่นมือไปรั้งตัวอีกฝ่ายไว้ “ให้ข้าดูหน่อย”
เซี่ยซูยังไม่ทันเข้าใจว่าเขาจะดูอะไร ก็เห็นเขาชะโงกหน้าเข้ามาประชิดแล้ว
ผ่านทางเดินเล็กแคบมาแล้ว เซี่ยซูจึงค่อยๆ หลุบตาลงมองดวงตาที่มีแผงขนตายาวของเว่ยอี้จือซึ่งกำลังเพ่งพิศลำคอของนาง ทันใดนั้นนางก็ตื่นเต้นขึ้นมา ใบหน้าเขาอยู่ใกล้แค่คืบ ลมหายใจอุ่นระลำคอ ขอแค่นางก้มหน้า คางจะต้องไปโดนหน้าผากเขาแน่
“ไม่เป็นไรหรอก แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น” ด้วยกลัวจะเผยพิรุธออกมา เซี่ยซูจึงค่อยๆ ผลักเขาออกไป แล้วดึงคอเสื้อให้เรียบร้อย
“อืม” เว่ยอี้จือรับคำเบาๆ เขามองดูเซี่ยซูด้วยท่าทีครุ่นคิดเหม่อลอย แล้วเดินนำออกไปก่อน