จริงดังคาด หลังว่ายผ่านไปจนถึงที่ที่กระแสน้ำอ่อนลง พวกเขาก็เห็นร่างของเซี่ยซูลอยขึ้นบนผิวน้ำ ทุกคนรีบว่ายตามไป กระโจนเข้าไปหาดุจเสือหิวไล่ตะครุบเหยื่อ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
คนหนึ่งฉุดร่างนั้นขึ้นมา ฉับพลันก็หลุดปากร้องด่าทอเป็นการใหญ่ นั่นไม่ใช่อัครเสนาบดี แต่เป็นหุ่นไล่กาที่สวมชุดของเขาต่างหาก มิน่าเล่าจึงลอยตุ๊บป่องบนผิวน้ำราวกับจะตายมิตายแหล่
“มารดามันเถอะ! ถูกหลอกแล้ว รีบตามหาคนเร็วเข้า!”
เซี่ยซูขดตัวอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบริเวณแถวคันนา เมื่อได้ยินเสียงคนเดินห่างออกไปแล้วนางก็ค่อยๆ ถอนหายใจโล่งอก นางบิดน้ำที่ชุ่มโชกออกจากเสื้อตัวกลาง แล้วบากหน้าวิ่งไปทางหมู่บ้าน
อาทิตย์อัสดงคล้อยลงทางตะวันตก ควันจากปล่องในครัวลอยฟุ้งเป็นสาย เซี่ยซูวิ่งไปที่ปากทางเข้าหมู่บ้านแล้วมองดู แม้หมู่บ้านนี้จะเล็กแต่ถนนในหมู่บ้านทะลุถึงกันหมด เกรงว่าอีกไม่ช้าคนพวกนั้นจะต้องกลับมาตามหานางแน่
เซี่ยซูเปลี่ยนใจจากที่ว่าจะขอเข้าไปพักในบ้านของชาวบ้าน เป็นตรงไปยังภูเขาที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้านแทน แล้วเลือกรออยู่บนที่สูงซึ่งสามารถมองเห็นตำแหน่งที่ตั้งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน นางจะได้ไม่เผลอไปจู่โจมผิดคนเข้า
ภูเขานี้มีพื้นที่เรียบไม่ได้สูงชันนัก ทว่าที่นี่ไม่เหมือนกับที่หลันถิงซึ่งมีคนคอยจัดการดูแล จึงมีพุ่มไม้หนามอยู่ทั่วไปหมด รองเท้าหุ้มข้อที่เซี่ยซูสวมใส่ฉีกขาดแล้ว ข้อเท้านางจึงถูกหนามแหลมทิ่มตำเป็นแผล เจ็บจนต้องร้องโอดเบาๆ นางหันมองซ้ายขวาก่อนจะดึงหญ้าแห้งขึ้นมากำหนึ่งเก็บเอาไว้กับตัว แล้วไต่ขึ้นเขาไปอย่างกะโผลกกะเผลก
ไม่คิดเลยว่าพอไปถึงลาดเขาแล้วคนกลุ่มนั้นก็กลับมาจริงๆ ทั้งยังตรงมาค้นหาบนภูเขา
เซี่ยซูกัดฟันทนแล้ววิ่งต่อไป แต่คนกลุ่มนั้นวิ่งเร็วมาก ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
เซี่ยซูรู้ดีว่าตนเองหนีไม่พ้นแล้ว นางจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว คลายผมที่เกล้าไว้ลงมาบังครึ่งใบหน้า แล้วถอดรองเท้าโยนไปไกลๆ เหลือสวมไว้เพียงถุงเท้า จงใจลากเท้าให้เลอะโคลนเพื่อปิดบังรอยเลือด
พวกชายฉกรรจ์ก่นด่าตลอดทางที่ไปถึงยอดเขา ก่อนจะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งปล่อยผมสยายนั่งคุกเข่ากับพื้นกำลังเก็บฟืนอยู่ ปากยังครวญเพลงเบาๆ ไปด้วย
คนที่มามีจำนวนไม่มาก น่าจะเป็นเพียงสายหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มใหญ่ พวกเขาไม่มีแก่ใจจะฟังเพลง เพียงตะคอกถาม “เห็นบุรุษหน้าตาดีเนื้อตัวเปียกโชกวิ่งผ่านมาบ้างหรือไม่!”
“เอ๊ะ!” จู่ๆ หญิงสาวก็ร้องเสียงดังแล้วผุดลุกขึ้นมา นางชี้ไปที่ตีนเขา สีหน้าราวกับตระหนกตกใจอย่างไรอย่างนั้น
คนผู้นั้นมองไปตามทางที่นางชี้ รองเท้าของเสนาบดีข้างหนึ่งห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งไม้นั่นเอง
“วิ่งจากที่นี่ไปจริงๆ ด้วย!” ชายฉกรรจ์ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่สนใจว่าทางจะชันหรือเต็มไปด้วยพุ่มไม้หนามอย่างไร เพียงตวัดดาบเปิดทางลงจากเขา หลายคนเกือบจะล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นเลยทีเดียว
เซี่ยซูมองส่งพวกเขาเดินลงเขาไป ก่อนจะทิ้งท่อนฟืนในมือแล้ววิ่งไปอีกทางหนึ่ง
ในช่องเขาแคบมีบึงน้ำตื้นๆ อยู่แห่งหนึ่ง น่าจะเกิดจากน้ำฝนที่ไหลมารวมกันจึงดูไม่ค่อยใสสะอาดนัก แต่เวลาเช่นนี้นางไม่อาจพิถีพิถันอะไรมาก จึงนั่งลงถอดถุงเท้าออกแล้วล้างแผล
เสื้อผ้ายังเปียกชื้นอยู่ แต่เซี่ยซูจำต้องใช้ห่มตัวไปพลางพยายามพัดให้แห้งไปพลาง เมื่อครู่คนเหล่านี้ไม่ทันได้สังเกต และไม่ทราบว่าหลังจากนี้จะนึกรู้ตัวขึ้นมาหรือไม่ หากพวกเขากลับมาก็คงได้แต่โทษว่านางโชคร้ายยิ่งนักแล้ว
นางถอนหายใจ พอใช้น้ำล้างหน้าสักพักหนึ่งก็เกล้ามวยผมไว้ดังเดิม