ทุกคนกรูกันเข้าไปหา แต่เพิ่งจะเข้ามาถึงตัว จู่ๆ ก็มีเสียงแหวกอากาศวูบหนึ่ง ชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ข้างหน้าก็หน้าหงายล้มลง สาบเสื้อด้านหน้าแหวกออกกว้าง เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมา
เว่ยอี้จือกระตุกมือทีหนึ่ง แส้ยาวในมือก็ตวัดกลับมาได้ประดุจงูเลื้อย
บุรุษตาเฉี่ยวเห็นฝีมือเว่ยอี้จือแล้วก็ตกใจกลัว แต่เพื่อรักษาชีวิตตนเองจึงไม่สนใจสิ่งใด เขาโบกมือที่ใหญ่โตแล้วเอ่ยว่า “ลุยเลย!”
เว่ยอี้จือโยนรากบัวทิ้งแล้วผุดลุกขึ้นทันที มือหนึ่งคว้าตัวเซี่ยซูไว้ อีกมือสะบัดแส้ออกไป ชายฉกรรจ์หลายสิบคนถูกเขาฟาดแส้ใส่จนล้มลง เขาเคลื่อนไหวว่องไวราวกับสายฟ้าฟาด สามารถแหวกทางได้อย่างง่ายดาย แล้ววิ่งทะยานลงเขาไป
บุรุษตาเฉี่ยวมือข้างหนึ่งยกกุมใบหน้าที่ถูกแส้ฟาดเสียจนบวมเป่ง อีกข้างกำเป็นหมัดทุบพื้นแล้วตวาดสั่ง “รีบตามไปสิ!”
เซี่ยซูเพิ่งได้สติคืนมาตอนที่ถูกดันร่างขึ้นบนหลังม้า นางประคองร่างที่เกือบร่วงตกลงไปแล้วฝืนยิ้ม “ที่แท้จ้งชิงก็เป็นยอดฝีมือ ไม่คิดเลยว่าวรยุทธ์ที่ไม่มีวาสนาจะได้ยลที่หลันถิงกลับได้มาชมเป็นขวัญตาที่นี่แทน”
เว่ยอี้จือพลิกร่างขึ้นนั่งซ้อนข้างหลังเซี่ยซู “เจ้ายังมีแก่ใจจะพูดล้อเล่นอีกนะ” พูดจบก็ฟาดแส้ใส่ม้าอย่างแรง ม้าวิ่งตะบึงออกไปรวดเร็วราวกับลูกธนูที่พุ่งจากคันธนู
เซี่ยซูแทบจะถูกโอบไว้ในอ้อมอกของเว่ยอี้จือจนมิด นางจึงขยับตัวอย่างเก้ๆ กังๆ
เป็นเพราะกลุ่มที่ไล่ตามไม่กล้าทำตัวให้เป็นจุดเด่น พวกเขาจึงไม่มีทั้งรถและม้าใดๆ ตั้งแต่แรก ย่อมจะตามเว่ยอี้จือไปไม่ทัน
ทว่ายามนี้ลู่ซีฮ่วนพาคนมาหาพวกเขาด้วยตนเองแล้ว
ก่อนหน้านี้ลู่ซีฮ่วนกลับไปถึงที่พัก นานแล้วก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรย่อมรู้ว่าเกิดเหตุพลิกผันขึ้น เขาจึงประสานกับสกุลกู้ให้ส่งคนมาช่วย พอเขารู้ว่าเซี่ยซูเพิ่งจะถูกช่วยไปได้ก็โกรธจนใบหน้าดำคล้ำ สั่งคนให้รีบตามไปทันที
คนที่มาคราวนี้ไม่ใช่แค่อันธพาลที่แต่งกายคล้ายคนงานในบ้านก่อนหน้านี้ แต่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ว่องไวประดุจสายฟ้า ควบขี่ม้าอาชาไนย โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มแล้วโอบเข้าหาจากทางด้านข้าง ไม่นานก็เข้าล้อมเซี่ยซูและเว่ยอี้จือไว้ได้
“วิ่งไปข้างหน้า อย่าหยุดเป็นอันขาด” เว่ยอี้จือกระซิบที่ข้างหูเซี่ยซู เขายื่นสายบังเหียนให้นาง จากนั้นก็เอาลูกธนูพาดสายแล้วเล็งไปข้างหน้า เขายิงออกไปสามดอกติดๆ กัน สังหารได้สามคน
เซี่ยซูขี่ม้าไม่เก่ง แต่ก็ฝืนควบทะยานผ่านช่องแคบๆ ไปได้ ในใจนางยังนึกกลัวไม่หาย
ทุกคนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้ายิ่ง ต่างก็ตกใจขวัญหนีดีฝ่อจนเกิดความลังเลขึ้นมา ทำให้ฝีเท้าม้าผ่อนลง
ลู่ซีฮ่วนมองเห็นแต่ไกล เขาคิดจะควบม้าตามไปด้วยตนเอง ทว่ากลับถูกคุณชายกู้ฉ่างจากสกุลกู้รั้งตัวไว้ “คนผู้นี้ฝีมือเก่งกาจนัก ไม่เกรงกลัวเราทั้งสองเลย คาดว่าจะไม่ใช่คนธรรมดา ให้พวกคนรับใช้ตามไปดีกว่า ฉวยโอกาสบอกว่าเกิดเหตุผิดพลาด จะได้เป็นการปัดสวะให้พ้นตัว”
ลู่ซีฮ่วนรู้สึกว่าที่กู้ฉ่างพูดมาฟังดูมีเหตุผล เขาจึงไม่ตามไปด้วยตนเอง เพียงแค่คอยตามอยู่ด้านหลัง แล้วให้ลูกน้องไล่กวดไป
ทุกคนได้แต่พยายามตามต่อ
เว่ยอี้จือควบม้าไม่หยุดตลอดทาง ทหารที่ไล่ตามมาก็ตามติดเหมือนเป็นเงาตามตัว เขากำชับให้เซี่ยซูจับสายบังเหียนให้มั่นแล้วหันกลับไปยิงอีกครั้ง ซึ่งก็ยิงถูกม้าของคนที่วิ่งตามมาพอดี