ม้าทรุดล้มลงไปก่อน จากนั้นคนที่ควบม้าตามมาติดๆ กันก็ชนแล้วล้มคว่ำไปด้วย ทว่าคนที่ไม่ถูกชนก็ยังคงควบตามอย่างไม่ลดละ
“ท่านอัครเสนาบดี!”
มีเสียงเรียกแว่วดังมาแต่ไกล เซี่ยซูหรี่ตาเพ่งมอง ท่ามกลางความมืด คนที่อยู่ข้างหน้าสวมชุดแขนกว้างที่ยังไม่ผลัดเปลี่ยน ไม่ใช่หวังจิ้งจือแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก
“คนแซ่หวังมาถึงแล้ว!” ลู่ซีฮ่วนเห็นกองทหารรักษาการณ์ที่ยกกันมาจำนวนมากก็โกรธจนขว้างแส้ทิ้ง
พ่ายแพ้ในชั่วเวลาสุดท้ายจริงๆ!
กู้ฉ่างสีหน้าเหยเก “ฉิบหายแล้ว เห็นอยู่ชัดๆ ว่าอ่อนแอเหมือนสตรี ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ คนมากมายถึงเพียงนี้กลับจับตัวเขาไม่ได้!”
ยามนี้เซี่ยซูก็ชักม้ากลับมาทันใด แล้วตะโกนเสียงดัง “ตรงนั้นเป็นคุณชายลู่ซีฮ่วนของสกุลลู่มิใช่หรือ ข้าถูกโจรไล่ทำร้ายมา คุณชายลู่โปรดช่วยเหลือด้วย!”
กู้ฉ่างพูดอย่างประหลาดใจ “เขารู้ว่าเป็นฝีมือพวกเราหรือ”
ลู่ซีฮ่วนเองก็ประหลาดใจ แต่ยังไม่ถึงกับลนลาน เขากัดฟันเอ่ยว่า “ช่างเถอะ ทำเอะอะไปก็ไม่เป็นผลดีกับพวกเรา กลับจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นจนเสียเรื่องเปล่าๆ ในเมื่อเขาหาทางลงให้แล้ว พวกเราก็คล้อยตามไปก็แล้วกัน” พูดจบก็ตะโกนลั่น “โจรชั่วจากที่ใดกล้ามาทำร้ายท่านอัครเสนาบดีแห่งต้าจิ้นเรา!” จากนั้นก็ชูมือขึ้น ร้องสั่งให้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ไปจับคนของตนเอง
เซี่ยซูแสร้งทำทีเป็นซาบซึ้งใจ นางประสานมือคารวะให้ทั้งสองจากที่ไกล “ขอบคุณคุณชายลู่ที่ช่วยชีวิต!”
ลู่ซีฮ่วนฝืนยิ้มแล้วประสานมือรับการคารวะ “ท่านอัครเสนาบดีกล่าวหนักไปแล้ว เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว เราสองคนบังเอิญผ่านมา เห็นคนกำลังจะตาย ไม่คิดช่วยได้หรือ”
หวังจิ้งจือมองออกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจึงเร่งม้าเข้ามาหาแล้วเอ่ยว่า “ทำให้ท่านอัครเสนาบดีต้องตกใจแล้ว จะจัดการ ‘โจรชั่ว’ พวกนี้อย่างไรดี”
“ท่านเจ้าเมืองจัดการเถอะ”
“ได้”
ลู่ซีฮ่วนกับกู้ฉ่างมองดูคนของตนเองถูกทหารรักษาการณ์จับกุมตัวไปโดยทำอะไรไม่ได้ พวกเขาได้แต่กำสายบังเหียนไว้แน่น ผิดหวังอย่างหนัก ลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ไม่ได้ก้าวเข้าไปหา เพียงกล่าวลาแค่พอเป็นพิธีแล้วจากไป
นี่เป็นความคับแค้นที่ไม่อาจเอ่ยออกมา ได้แต่ก้มหน้ารับอยู่เงียบๆ
ฟ้ามืดแล้ว จนถึงบัดนี้หวังจิ้งจือค่อยมองออกว่าคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังเซี่ยซูเป็นผู้ใด เขาจึงพูดอย่างตกใจว่า “อู่หลิงอ๋องมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร”
“จะว่าไปก็น่าอาย ข้าเล่นสนุกเพลินไปหน่อย ล่าสัตว์จนมาถึงที่นี่ กระทั่งได้พบกับท่านอัครเสนาบดีระหว่างทาง ช่างบังเอิญเสียจริง”
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเว่ยอี้จือจากไปแล้ว แต่จู่ๆ กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่เสียได้ หวังจิ้งจือจึงอดที่จะเคลือบแคลงใจไม่ได้ แต่พอเห็นเขาถือแส้ยาว ทั้งที่หลังก็สะพายแล่งธนูไว้ ดูเหมือนไปล่าสัตว์มาจริงๆ หวังจิ้งจือจึงทำทีไม่ติดใจสงสัยอีก
เมื่อหวังจิ้งจือสังเกตเห็นสีหน้าของเซี่ยซูอ่อนล้าสุดกำลัง เขาจึงรีบสั่งให้คนรับใช้ไปลากรถม้ามา
เว่ยอี้จือพลิกร่างลงจากม้าแล้วประคองเซี่ยซูลงมา ฟ้ามืดแล้วก็จริง ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีสายตาที่ดีมาก จึงเห็นเท้าของอีกฝ่ายซึ่งสวมรองเท้าฟางโดยไม่ได้ตั้งใจ ยามนี้จึงอดจะตกตะลึงไม่ได้