ฤดูฝนเหมยทำให้คนกระสับกระส่ายได้ง่ายที่สุด ระยะนี้ฮ่องเต้อารมณ์ไม่ปลอดโปร่งพลอยทำให้สนมนางในและเหล่าพระโอรสพระธิดาย่ำแย่ไปตามๆ กัน ว่ากันว่าแม้แต่หยวนกุ้ยเฟยซึ่งเป็นที่โปรดปรานนักหนาก็ยังถูกเอ็ดไปหลายคำ ในวังพากันร้องไห้ระงม
และที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือรัชทายาท คราวก่อนจัดการเรื่องสกุลลู่กับสกุลกู้ที่คิดก่อการกบฏไปอย่างไม่เหมาะสม จนถึงวันนี้ฮ่องเต้ก็ยังเหน็บแนมเขาอยู่เลย จึงเลี่ยงได้ยากที่จะไม่ถูกต่อว่าอย่างรุนแรง
ดูเหมือนรัชทายาทจะเศร้าสลดหดหู่ไปหมดแล้ว วันนั้นตื่นแต่เช้าก็สั่งให้เก็บข้าวของไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่พระตำหนักคำนับลาสามครา ทูลว่าจะขอออกบวช
เกิดความวุ่นวายไปทั่ววังหลวงเลยทีเดียว
เซี่ยซูรีบเข้าวัง ฮ่องเต้กริ้วจนทุบทำลายข้าวของในห้องทรงพระอักษรเสียหายไม่มีชิ้นดี
“ลูกชั่วคนนี้จะไร้ความสามารถก็ช่างเถอะ ยังกล้าเอาเรื่องออกบวชมาขู่เราอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็สนองให้เขาสมใจเสียหน่อย ปลดออกจากตำแหน่งรัชทายาทเสีย แล้วตั้งผู้มีคุณธรรมขึ้นมาแทน!”
เหล่าขุนนางผู้ใหญ่ต่างก้มหน้ามองพื้น คุยกันเสียงเบาว่านางกำนัลกวาดพื้นสะอาดดีหรือไม่
เซี่ยซูเปลี่ยนท่าทีไปทันใด นางดูตื่นตระหนกอย่างมาก รีบออกจากแถวมาทัดทาน “ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่โบราณมามีลำดับอาวุโส แยกแยะสถานะสูงส่งหรือต่ำต้อย ปลดพระโอรสองค์ใหญ่ออกแล้วตั้งคนที่ยังเยาว์กว่าไม่ถือว่าเป็นไปตามแบบแผน แม้รัชทายาทจะทรงไม่มีผลงาน แต่ก็ไม่ได้กระทำความผิด จะทรงปลดออกง่ายๆ ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เห็นเซี่ยซูเอ่ยปากขึ้นมาก็ยิ่งกริ้ว “เขาเป็นเช่นนี้จะเป็นราชันผู้ปราดเปรื่องได้อย่างไร สู้ให้ออกจากตำแหน่งเสียแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า!”
“รัชทายาทยังทรงเยาว์นัก จึงยังไม่สุขุม ฝ่าบาททรงทราบได้อย่างไรว่ารัชทายาทจะมิอาจกลายเป็นราชันที่ปราดเปรื่องได้”
“เซี่ยซู!” ฮ่องเต้กริ้วเสียจนถลึงตามอง
เซี่ยซูยกชายเสื้อขึ้นแล้วคุกเข่าลงกับพื้น นางก้มศีรษะจรดพื้นแล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาทโปรดถอนรับสั่งด้วยเถิด มิฉะนั้นกระหม่อมคงต้องขอทูลทัดทานด้วยชีวิตแล้ว!”
ฮ่องเต้ตกใจจนผงะถอยหลัง “เจ้าว่าอะไรนะ!”
ในห้องทรงพระอักษร เหล่าขุนนางกว่าครึ่งพากันคุกเข่าพรึบและเอ่ยขอร้องกันเสียงขรม “ฝ่าบาทโปรดถอนรับสั่งด้วย!”
เหล่าตระกูลใหญ่ที่ผ่านมาแทบจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องข้อขัดแย้งในพระราชอำนาจ แม้แต่ตอนนั้นที่เซี่ยหมิงกวงทูลทัดทานการปลดรัชทายาทก็ยังทำไปด้วยวิธีการอันละมุนละม่อม ดังนั้นท่าทีรุนแรงของเซี่ยซูจึงทำให้พระองค์แปลกใจอย่างมาก
ฮ่องเต้จึงหันมามอง หวังจะหาเสียงสนับสนุน “อู่หลิงอ๋อง เจ้าว่าอย่างไร”
เว่ยอี้จือประสานมือคำนับแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “แผ่นดินควรมีราชันที่ปราดเปรื่อง ฝ่าบาททรงเตรียมพร้อมไว้ก่อนก็นับว่าไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”
คนอีกกลุ่มคุกเข่าลงช่วยสนับสนุน “ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งแล้ว!”
เซี่ยซูค่อยๆ เงยหน้าหันไปมองเว่ยอี้จือแวบหนึ่งพลางขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ฮ่องเต้ย่อมไม่อาจสั่งประหารอัครเสนาบดีในทันทีทันใด แต่ก็คิดจะปลดรัชทายาทจริงๆ เมื่อยามนี้ยังไม่อาจทำอะไรได้ พระองค์จึงต้องบอกให้พักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วค่อยปรึกษาหารือกันในภายหลัง แล้วบอกเลิกเข้าเฝ้า