รัชทายาทจะออกบวช เรื่องอื้อฉาวเช่นนี้จะปิดให้มิดอย่างไรไหว ฝูเสวียนก็ได้ข่าวแล้วเช่นกัน เขารออยู่นอกวัง เห็นอัครเสนาบดีกับจวิ้นอ๋องนายของตนเองเดินตามกันออกมาถึงประตูวัง แต่กลับไม่พูดคุยอะไรกันเลยราวกับเป็นคนแปลกหน้ากระนั้น ในใจก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
“จวิ้นอ๋องกับท่านอัครเสนาบดีทะเลาะกันหรือขอรับ”
เว่ยอี้จือหัวเราะ “นับว่าอย่างนั้นก็ได้”
“เช่นนั้นก็ไม่น่าจะถึงกับไม่พูดคุยกันนี่ขอรับ” ตั้งแต่มีเรื่องนักดนตรีเมื่อคราวก่อน เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าจวิ้นอ๋องปฏิบัติกับอัครเสนาบดีเฉกเช่นพี่น้องแล้วนี่นา
“พี่น้องอะไรเล่า!”
เซี่ยซูโกรธจนขว้างปาจานฝนหมึก
แม้จะบอกว่าคนจากตระกูลชั้นสูงส่วนใหญ่จะรู้จักเอาตัวรอด แต่เว่ยอี้จือกับองค์ชายเก้าสนิทสนมกัน มีหรือจะยอมละทิ้งโอกาสงามๆ ของสกุลเว่ยเช่นนี้ไปได้
มู่ไป๋เดินจากโถงทางเดินเข้ามาที่ปากประตู เขาหันไปทางกลุ่มคนรับใช้ที่กำลังชะเง้อคอมอง “พวกเจ้าได้ยินอะไรหรือไม่”
เหล่าคนรับใช้ต่างส่ายหน้า แล้วรีบแยกย้ายกันไป
มู่ไป๋เพิ่งจะผลักประตูเข้าไปก็ต้องร้องขอด้วยสีหน้าระทมทุกข์ “คุณชาย โธ่เอ๋ย รักษามารยาทด้วย รักษามารยาทด้วยขอรับ!”
อันที่จริงรัชทายาทก็มีความคิดที่จะปลีกวิเวกจริงๆ
ในวังใครๆ ก็รู้ว่ารัชทายาทไม่เพียงแค่มีเมตตา แต่ยังเป็นด้วยใจเลื่อมใสในพุทธศาสนา เวลาที่พระโอรสพระองค์อื่นพากันห้อมล้อมประจบเอาใจฮ่องเต้ เขากลับนั่งยองอยู่มุมกำแพงวังช่วยนกป่าที่น่าสงสาร ขณะที่พระโอรสองค์อื่นพูดจาโอ้อวดตน เขากลับสวดมนต์นั่งสมาธิในวิหาร แม้แต่การลงโทษลู่ซีฮ่วนกับกู้ฉ่างก็ไม่ได้ดูเด็ดขาด เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเชื่อว่าสวรรค์นั้นมีเมตตาต่อสรรพสัตว์
หากว่ากันตามตรง เซี่ยซูเองก็รู้สึกว่าคนเช่นนี้ไม่เหมาะจะเป็นฮ่องเต้ แต่เขาเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ เรื่องนี้ก็ย่อมต้องเป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์
พูดกันอย่างกว้างๆ ก็คือ…ความสมดุลระหว่างตระกูลใหญ่ล้วนรักษาเอาไว้ได้โดยอาศัยกฎเกณฑ์ หากมีคนมาทำลายให้เสียไปเรื่องหนึ่ง ก็จะมีคนมาทำให้เสียไปอีกสองเรื่อง ถึงตอนนั้นอาจกระทบถึงสมดุลที่ว่านี้ได้
แต่หากพูดในเชิงแคบ ฮ่องเต้มีความคิดจะปลดรัชทายาท ย่อมต้องหมายแต่งตั้งองค์ชายเก้าขึ้นแทน และคนผู้นี้จะต้องเล่นงานนางถึงตายแน่ๆ แล้วจะปล่อยให้พระองค์ทำสำเร็จได้หรือ! เทียบกับองค์ชายเก้าแล้ว ย่อมต้องเป็นรัชทายาทที่จัดการได้ง่ายกว่าสิ
แต่บัดนี้ฮ่องเต้มีเว่ยอี้จือคอยหนุนหลัง เขาเองก็มีกำลังทหารในมือจำนวนมาก เขาจะพูดจาอะไรล้วนน่าเชื่อถือ
เซี่ยซูขว้างปาข้าวของระบายอารมณ์แล้วก็สงบลง นางนั่งอยู่ในห้องหนังสือสักพักหนึ่งก็สั่งให้มู่ไป๋ไปแจ้งให้หวนถิงพยายามเชิญชวนมิตรสหายมาร่วมงานเลี้ยงของนางให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มู่ไป๋นึกสงสัย “คุณชายยังมีแก่ใจจะจัดงานเลี้ยงอีกหรือขอรับ”
“ไม่ผิด ให้จัดที่ริมน้ำฉินไหว”
หวนถิงเป็นคนรักสนุก ทั้งยังเข้ากันดีกับพี่ชายผู้นี้ด้วย หลังได้รับคำเชิญไม่กี่คำเขาก็ตอบรับทันที จากนั้นก็รีบไปชักชวนสหายคนอื่น เช่น หยางจวี้ หยวนเพ่ยหลิง เป็นต้น