เว่ยอี้จือเดินนำเซี่ยซูเข้าไปในตรอก หลังจากเดินลัดเลาะไปมาหลายรอบก็เข้าไปในร้านสุราเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทั้งที่โถงกลางร้านทั้งดำทั้งสกปรกแต่กลับเต็มไปด้วยผู้คน เจ้าของร้านรู้จักเว่ยอี้จือ เพียงเห็นเขาก็พาคนทั้งสองไปที่ลานด้านหลัง ในลานกลางบ้านมีต้นแปะก๊วยต้นใหญ่ ข้างต้นไม้มีโต๊ะจัดไว้สองสามตัว ดูแล้วนี่คงจะเป็นโต๊ะพิเศษ
เว่ยอี้จือสั่งสุราอาหารมาสองสามอย่าง ท่าทางเตรียมพร้อมเต็มที่
“หรูอี้ ปีนี้เจ้ามีอายุเท่าใด” นี่เป็นคำถามแรกของเว่ยอี้จือ
จากตอนแรกที่แปลกใจ เซี่ยซูก็มีสติกลับมาได้ในชั่วอึดใจ นางหัวเราะอย่างร่าเริง
เว่ยอี้จืออาจจะสงสัยเรื่องเพศของนางแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเขาสงสัยเรื่องอายุของนางมากกว่า
สตรีที่แต่งกายเป็นบุรุษเข้ารับตำแหน่งในราชสำนักมีความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง สกุลเซี่ยต้องการอำนาจ เซี่ยหมิงกวงเองก็เป็นคนที่เฉลียวฉลาดเจ้าแผนการอย่างที่สุด การจะอบรมสั่งสอนใครสักคนที่มีความสามารถขึ้นมา ย่อมไม่คุ้มที่จะเสี่ยงถึงเพียงนี้
ตามความเห็นของเว่ยอี้จือ ขอเพียงมีความคิดสักหน่อยก็คงจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาที่ผิดทำนองคลองธรรมเช่นนี้
แต่ก็นั่นแหละ…เซี่ยหมิงกวงได้ลงมือทำไปแล้ว
“เพิ่งผ่านพิธีครอบเกี้ยวมาได้ไม่นาน ทำไมหรือ”
เว่ยอี้จือยกจอกสุราขึ้นจิบ มองดูเซี่ยซูแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ดูไม่เหมือน”
เท้าเล็กกว่าบุรุษที่โตแล้ว ลูกกระเดือกก็ไม่ชัด ดูไม่เหมือนเอาเสียเลย
“อืม เจ้าก็คงไม่ใช่คนแรกที่พูดเช่นนี้” เซี่ยซูทำทีเหมือนหงุดหงิด นางนิ่วหน้าพลางจิบสุรา “พวกเราบุรุษสกุลเซี่ยแม้จะมีไม่มาก ทว่าแต่ละคนล้วนองอาจห้าวหาญ ที่ร่างสูงใหญ่ก็มีไม่น้อย ทั้งปู่และบิดาก็ล้วนร่างสูงเจ็ดฉื่อ* มิใช่หรือ เซี่ยหร่านท่านอาข้าดูแล้วผอมบางแต่มีรูปร่างสูง มีแต่ข้าที่ไม่เพียงเกิดมาเตี้ย ทั้งยังผอมอีกด้วย เจ้ารู้หรือไม่ ตอนที่ข้าเพิ่งกลับเข้าจวนสกุลเซี่ย ท่านปู่ข้ายังเรียกข้าว่า ‘เจ้าถั่วงอกผอมแห้ง’ อยู่เลย”
นี่คงเป็นสิ่งที่สืบทอดมาทางสายเลือดในบรรดาลูกหลานที่เป็นสตรี นางเป็นคนที่ผอมสูงคนหนึ่ง กระทั่งยังสูงกว่าบุรุษหลายคนเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกับเว่ยอี้จือที่เป็นบุรุษวัยผู้ใหญ่ทั้งยังสูงโปร่ง นางจึงดูบอบบางอ้อนแอ้น และเตี้ยกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด
เว่ยอี้จือได้ฟังชื่อเรียกนั้นก็อยากจะหัวเราะ แต่กลั้นไว้ได้ “นั่นก็แปลก เหตุใดจึงมีแต่เจ้าที่รูปร่างเช่นนี้เล่า”
สีหน้าหยอกเย้าของเซี่ยซูเลือนหายไปกลายเป็นหม่นหมองแทน “เพราะความหิวน่ะสิ”
เว่ยอี้จือจึงค่อยนึกขึ้นได้ มองดูเซี่ยซูเบือนหน้าหลบไปทางอื่น เขาพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายหลบซ่อนตัวอยู่บนภูเขาในสภาพสะบักสะบอม จู่ๆ ก็บังเกิดความเห็นใจขึ้นมา
ทั้งสองเงียบงันกันไปครู่หนึ่ง เซี่ยซูก็พูดขึ้นอีก “ตั้งแต่เล็กข้าก็ถูกล้อเลียนว่าเป็นสตรีแล้ว มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นเพราะเรื่องนี้มาไม่น้อย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ท่านแม่ข้าถึงขั้นเลี้ยงดูข้าเหมือนกับเป็นลูกสาว ทำเอาคนในละแวกบ้านกว่าร้อยหลี่คิดกันไปว่าข้าเป็นสตรี หากไม่ใช่เพราะภายหลังได้กลับมาจวนสกุลเซี่ย เกรงว่าแม้แต่ภรรยาก็คงจะหาไม่ได้แล้ว”
พูดมาถึงตรงนี้ก็สอดคล้องกับที่เว่ยอี้จือไปตรวจสอบที่จิงโจวพอดี
ดูเหมือนยิ่งเซี่ยซูพูดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งเศร้า จึงกรอกสุราเข้าไปอีกอึก จนสุราไหลล้นออกมาทางมุมปาก ไหลลงไปตามลำคอก่อนจะซึมเข้าไปในอกเสื้อ ท่าทางห้าวหาญดุจบุรุษแท้ๆ ทว่ากลับดูงามยั่วยวนคล้ายหญิงสาว
เว่ยอี้จือเบือนสายตาออกไปแล้วดื่มสุราอยู่เงียบๆ
ข้าอาจจะคิดมากเกินไป