ด้านนอกหลันไถมีตรอกกั้นอยู่ อีกฟากของตรอกก็คืออูไถหรือสำนักตรวจการ สองฝ่ายตั้งอยู่ตรงข้ามกัน พูดได้ว่าสถานการณ์เหมือนน้ำกับไฟ ชื่อหลันไถมาจากดอกกล้วยไม้ ชื่ออูไถมาจากอีกา ฝ่ายหนึ่งให้โทษคนด้วยพู่กัน ฝ่ายหนึ่งให้โทษคนด้วยวาจา ต่างฝ่ายต่างไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
ยังดีที่ประตูหน้าของหลันไถอยู่ตรงกับประตูหลังของสำนักตรวจการ นี่จึงเลี่ยงการเผชิญหน้ากันได้ หากต้องมองเห็นหน้าทุกวันก็มีแต่ชิงชังกันเสียเปล่า และโชคดีที่หลังกำแพงสำนักตรวจการมีต้นไป่ปลูกอยู่มาก นับว่าป้องกันเสียงได้ไม่เลว ขณะเดียวกันก็ให้ความสะดวกต่อฉืออิ๋งในการปีนขึ้นยอดไม้และฟุบหมอบอยู่บนกำแพง คอยลอบสังเกตความเคลื่อนไหวของหลันไถ
“ช่างดูใหญ่โตเสียจริง มิน่าเล่าถึงไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา!” ฉืออิ๋งพ่นเสียงออกทางจมูก
“ใช่! หยิ่งยโสและอวดเบ่งยิ่งนัก!” คนด้านข้างเอ่ยคล้อยตาม
“ให้เขาวางท่าไปเถอะ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่มีจุดอ่อน” ฉืออิ๋งตอบรับเจ้าของเสียงนั้น ก่อนจะหันหน้าขวับมาทันที นางเผชิญหน้ากับบุรุษแปลกหน้าที่ฟุบหมอบบนกำแพง ก่อนกล่าวขึ้นอย่างรังเกียจ “เจ้าเป็นใครกัน แม้แต่กำแพงของสำนักตรวจการก็ยังกล้าปีนรึ”
บุรุษที่ถูกรังเกียจกล่าวอย่างตื่นตัว “อ้าว ปีนไม่ได้หรอกรึ เข้าใจแล้ว กระหม่อมเป็นหัวหน้าสำนักตรวจการคนใหม่ ยินดีที่ได้พบองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉืออิ๋งพลันร่วงหล่นจากบนกำแพง…
อาศัยต้นไป่อายุร้อยปีในสำนักตรวจการช่วยพยุงร่างเอาไว้ ฉืออิ๋งจึงไม่ถึงกับหน้าคะมำลงบนพื้น ถึงอย่างนั้นสภาพร่างที่ร่วงลงมาก็ดูไม่ดีเลยสักนิด
“องค์หญิง พระองค์ไม่เป็นไรนะพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักตรวจการคนใหม่รีบผละจากกำแพงแล้วปีนต้นไม้ลงมา พลางกล่าวปลอบฉืออิ๋งที่นอนแผ่อยู่บนพื้น
“เจตนาพูดให้ตกใจเช่นนี้ ท่านตั้งใจทำร้ายข้าใช่หรือไม่!” ฉืออิ๋งจ้องสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยของบุรุษตรงหน้าด้วยความโกรธเคือง
“มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงอย่าเพิ่งเข้าพระทัยผิด พระองค์ตรัสถามว่ากระหม่อมคือผู้ใด กระหม่อมก็เพียงบอกว่ากระหม่อมเป็นผู้ใดเท่านั้น ไหนเลยจะตั้งใจทำร้ายองค์หญิงได้” หัวหน้าสำนักตรวจการหยิบใบไม้ออกจากใบหน้าของฉืออิ๋งให้อย่างเอาใจใส่
“เจ้าไม่รู้หรือว่าข้ากับสำนักตรวจการของพวกท่านมีชะตาไม่เข้ากัน” จากที่ฉืออิ๋งตกใจกลัวในตอนแรกก็ฟื้นคืนท่าทีดังเดิม “ท่านยังขึ้นเสียงต่อหน้าข้าอีก!”
“ได้ยินว่าหัวหน้าสำนักตรวจการคนก่อนเข้ากับองค์หญิงได้ดี”
“ดังนั้นเขาจึงกลายเป็น ‘หัวหน้าคนก่อน’ อย่างไรเล่า”
ฉืออิ๋งเคยใช้สำนักตรวจการจู่โจมไป๋สิงเจี่ยนมาก่อน ส่งผลให้หัวหน้าสำนักตรวจการคนนั้นถูกลดขั้น กลุ่มคนที่เข้าร่วมในคดีนี้ล้วนถูกโยกย้าย สำนักตรวจการเสียกำลังคนไปมาก ด้วยเหตุนี้ฉืออิ๋งจึงถูกลงโทษและถูกห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับงานของสำนักตรวจการอีก หากยังติดต่อเกี่ยวพันกับสำนักตรวจการ เกรงว่าคงไม่ใช่แค่ถูกกักบริเวณเท่านั้นแน่ ทว่าจู่ๆ เบื้องหน้าก็มีหัวหน้าสำนักตรวจการโผล่มาเช่นนี้ เห็นทีคงไม่ใช่ลางดีแน่
ฉืออิ๋งลอบเข้ามาในสำนักตรวจการเพื่อสอดแนมหลันไถ เนื่องจากต้องการเฝ้าดูไป๋สิงเจี่ยนจึงไม่อาจไม่ใช้แผนการนี้ เมื่อร่องรอยถูกเปิดเผยเช่นนี้แล้ว ฉืออิ๋งจึงคิดแค่เพียงจะออกจากสถานที่นี้ไปโดยเร็ว
โชคร้ายก็คือ…ข้อเท้าของฉืออิ๋งบวมขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว