เวลาเดียวกันนั้นตันชิงก็เข้ามาเจอกับภาพเหตุการณ์ที่ตลอดชีวิตของเขาจะไม่มีวันลืม…ไท่สื่อถูกสาวน้อยที่งามดั่งเทพธิดามาพัวพัน ตอนที่จับแขนแล้วก็เช็ดเหงื่อให้นั้นเป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงยิ่ง ถึงอย่างนั้นก็แสนจะดูเย้ายวนชวนเคลิบเคลิ้ม ภาพนั้นสวยงามเหลือเกิน สวย…จนแทบไม่กล้าดู!
มือของตันชิงสั่นไหว จานชามที่อยู่บนถาดพลันกระทบกันจนส่งเสียงดัง
ไป๋สิงเจี่ยนกับฉืออิ๋งถึงได้พบว่าตันชิงอยู่ตรงประตู สีหน้าของไป๋สิงเจี่ยนเขียวคล้ำ ดวงตาของฉืออิ๋งแดงก่ำ เมื่อครู่นี้เขาตีมือนางจนเจ็บ
“ทรงมีเรื่องอะไรพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของไป๋สิงเจี่ยนเต็มไปด้วยเพลิงพิโรธที่กลั้นไว้ไม่อยู่ และเพลิงนี้ก็ได้ลามไปถึงศีรษะของตันชิงแล้ว
ตันชิงที่มาปรากฏตัวอย่างไม่ถูกเวลายังคงก้าวตรงมา เขารีบวางถาดอาหารลงบนโต๊ะยาว ตาไม่เลื่อนมอง “ไท่สื่อควรรับอาหารกลางวันแล้วขอรับ”
ฉืออิ๋งมองไปที่โต๊ะยาว นางเห็นว่าอาหารในถาดนั้นมีปริมาณน้อยมาก จึงเอ่ยเสียงดังทันทีว่า “หลันไถของพวกท่านไม่รับแขกหรือ แล้วอาหารของข้าเล่า”
ตันชิงฟังแล้วถึงกับตกตะลึง เนื่องจากหลันไถของพวกเขาไม่ได้รับแขกมานาน ซึ่งไม่ใช่เพราะไม่อยากรับแขก แต่เป็นเพราะไม่มีใครกล้าเข้ามากินอาหารในหลันไถต่างหาก นานวันเข้า ห้องครัวของหลันไถจึงใช้กฎนับจำนวนคนเพื่อเตรียมอาหาร คนที่จะไปทำงานนอกสถานที่ต้องแจ้งต่อห้องครัวก่อน หัวหน้าสำนักหลันไถเกลียดการฟุ่มเฟือยและเหลือของทิ้งอย่างสูญเปล่า โดยเห็นได้ชัดจากอาหารที่เขากินว่ามีอยู่น้อยมาก
ฉืออิ๋งไม่รู้เรื่องพวกนี้ ที่จริงนางก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องกฎที่เขายึดถือกันมา เพราะปกติเมื่อถึงเวลาอาหาร แต่ไรมาไม่เคยมีใครไม่ส่งอาหารมาให้นาง
ไป๋สิงเจี่ยนยื่นมือเลื่อนถาดอาหารออกไปทางด้านข้าง แล้วใช้ไม้เท้ายันร่างขึ้น เขาไม่มีท่าทางจะกินอาหาร
ฉืออิ๋งมองออกว่าสิ่งที่ไป๋สิงเจี่ยนกระทำคือการยกอาหารให้นางกิน นางสับสนไปเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็ผลักอาหารมาให้เช่นนี้ คิดกล่าวเชิญสักคำก็ไม่มี ช่างไร้มารยาทสิ้นดี ข้าไม่ใช่คนที่ยอมอะไรง่ายๆ นะ!
เมื่อไป๋สิงเจี่ยนเดินออกห่างจากโต๊ะยาวแล้ว ฉืออิ๋งก็นั่งลง มือซ้ายหยิบตะเกียบขึ้นมา นางรู้สึกสนุกกับการเขี่ยอาหารในจานเพื่อดูว่าอาหารของที่หลันไถกับในวังแตกต่างกันอย่างไร ไป๋สิงเจี่ยนเหลือบตามองดูกิริยาของนาง ไม่เข้าใจสักนิดว่าเฟิ่งจวินที่มาจากตระกูลใหญ่สอนบุตรสาวอย่างไรกัน สอนสั่งจนได้เด็กหัวดื้อคนหนึ่งเช่นนี้ คนธรรมดายังรู้เรื่องกิริยามารยาท ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘กิริยามารยาท’ คืออะไร!
ตันชิงยืนมองอย่างตกตะลึง ทว่าไม่ใช่เพราะท่าทางการกินของฉืออิ๋ง แต่เป็นเรื่องที่หัวหน้าสำนักหลันไถยกอาหารให้ผู้อื่นต่างหาก เขามาอยู่หลันไถได้สี่ห้าปีแล้ว ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นแทบจะเข้าใกล้ศูนย์ ยิ่งกว่านั้น สาวน้อยนักกินผู้นี้ก็ยังสามารถกินอาหารอยู่ข้างตัวไป๋สิงเจี่ยนได้เหมือนข้างกายนางไม่มีใครอยู่ ความกล้าหาญเช่นนี้ช่างน่านับถือยิ่ง
ฉืออิ๋งเขี่ยกับข้าวสองอย่างไปมา เป็นลักษณะอาหารเจโดยแท้ เนื้อสัตว์สักนิดก็หาไม่พบ นางคีบผักชิ้นบางส่งเข้าปาก จืดชืดไร้ความมัน นี่เป็นอาหารของหัวหน้าสำนักหลันไถหรือ ฉืออิ๋งขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าแสดงออกถึงความรังเกียจ
ไป๋สิงเจี่ยนเดินไปที่ข้างตู้หนังสือ ยามที่หยิบหนังสือมาอ่านเขาก็คอยเหลียวมองฉืออิ๋งไปด้วย ได้แต่เฝ้ารอให้นางวางตะเกียบแล้วจากไปด้วยตนเอง ความสงบจะได้กลับคืนมาเสียที
ตันชิงคาดเดาว่าสาวน้อยผู้นี้น่าจะเป็นดาวหายนะที่ผู้คนเล่าลือกัน เป็นทั้งปีศาจน้อยจอมทำลาย ฝันร้ายของราชสำนัก จอมเกเรของสำนักศึกษาเจาเหวิน และยังเป็นรัชทายาทที่มีเกียรติของพวกเขาด้วย เพราะอย่างนี้หัวหน้าสำนักหลันไถจึงได้ปฏิบัติต่อนางอย่างเยือกเย็นยิ่ง
อาหารการกินของหลันไถไม่ได้แย่จนกลืนยากถึงเพียงนั้น แต่ที่อาหารไม่ได้ดั่งใจฉืออิ๋งเป็นเพราะนางกินอาหารส่วนที่เป็นของไป๋สิงเจี่ยนเข้าไป รสชาติอาหารที่เขากินพิเศษยิ่ง ทั้งยังไม่กินเนื้อสัตว์ อาหารถาดนี้ที่ส่งจากห้องครัวจึงทำให้เขาโดยเฉพาะ
ฉืออิ๋งยอมวางตะเกียบลงในที่สุด นางหยิบเอาหมั่นโถวที่อยู่ในถาดอาหารมาหนึ่งลูกพลางงับไปคำหนึ่ง ก่อนจะถือหมั่นโถววิ่งร้องไห้ออกไป “ฮือ ห้องครัวของพวกท่านอยู่ที่ใด”
ไป๋สิงเจี่ยนปิดหนังสือในมือ เขาเดินมาที่หน้าโต๊ะยาวช้าๆ หลังจากมองดูจานกับข้าวที่ถูกเขี่ยจนยุ่งเหยิงแล้ว เส้นเลือดตรงขมับเขาก็เต้นตุบๆ
ตันชิงเห็นเช่นนั้นก็ทำท่าจะเก็บสำรับ แต่เห็นไป๋สิงเจี่ยนหยิบเอาตะเกียบที่ทิ้งไว้ในสำรับขึ้นมาเสียก่อน แล้วยื่นไปที่จานกับข้าว…คีบผักชิ้นหนึ่งเข้าปาก
สมองของตันชิงราวกับถูกฟ้าผ่าลงมา ต้องเป็นเพราะวันนี้ข้าส่งอาหารไม่ดูทิศทางให้ดีเป็นแน่!