พอไป๋สิงเจี่ยนได้กินผักแล้ว ความแคลงใจของเขาก็หายไป คนครัวของหลันไถก็ไม่ได้เปลี่ยนคน ผักนี่ก็ยังเป็นรสชาติที่คุ้นเคย…อะไรจะกินยากปานนั้น
เพื่อจะทำให้เรื่องนี้แจ่มชัด ไป๋สิงเจี่ยนจำต้องแลกกับอาหารของตนเอง เขาเลิกแขนเสื้อขึ้นดู บนแขนมีผื่นเกิดขึ้นมาแถบหนึ่ง สาเหตุเป็นเพราะมีคนมาสัมผัสตัวและใช้ตะเกียบที่มีคนใช้แล้ว
ในใจตันชิงอดต่อว่าไม่ได้…ท่านทำไปทำไม แต่ปากกลับไม่กล้าพูดออกมา เขาเพียงเร่งรีบไปหายาจากกล่องยาที่มุมห้อง แล้วนำยากลับมาทาให้ที่หลังมือของไป๋สิงเจี่ยน
จู่ๆ คนครัวคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบแล้วกระโดดข้ามธรณีประตูเข้ามา
“ไท่สื่อ! ในห้องครัวยุ่งไปหมดแล้ว ท่านรีบไปดูทีเถิดขอรับ!”
“พูดง่ายๆ ก็คือ…หลันไถของพวกท่านปฏิเสธไม่ยอมทำอาหารพื้นๆ สักมื้อหนึ่งให้ข้า?”
“เงินค่าอาหารของหลันไถมีอยู่จำกัด ไม่สามารถทำอาหารเพิ่มให้องค์หญิงได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วเงินของหลันไถใช้จ่ายไปกับเรื่องใดเล่า”
“ของต่างๆ ล้วนมีราคาแพง ค่าใช้จ่ายของหลันไถก็มีอยู่ไม่น้อย ในเมื่อประหยัดเรื่องอาหารการกินได้ก็ต้องประหยัด อาหารหนึ่งมื้อที่องค์หญิงตรัสมาเทียบได้กับค่าอาหารของหลันไถครึ่งปีเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ”
“พูดจาเหลวไหล จงรีบนำอาหารมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าจะปล่อยให้ข้าหิวตายหรือไร!”
พอไป๋สิงเจี่ยนเร่งมาถึง ภายในห้องครัวก็มีผู้คนยืนอยู่จนเต็ม ทั้งที่ถึงเวลาอาหารแล้วแต่พวกเขากลับไม่สามารถเข้าไปเอาอาหารมากินได้ ทั้งหมดจึงได้แต่ล้อมดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง คนที่ถูกล้อมดูกลับไม่รู้สึกรู้สา ยังคงยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะอาหารตัวใหญ่ แสดงสีหน้ารังเกียจไปพลางกัดหมั่นโถวในมือไปพลาง แม้คนครัวจะอธิบายไม่หยุด แต่ก็ยังพยายามลำเลียงอาหารดีที่สุดที่หาได้ในวันนี้มาขึ้นโต๊ะโดยไม่รอช้า
“ไท่สื่อมา!” บรรดาเจ้าหน้าที่ของหลันไถพลันเปิดทางให้ไป๋สิงเจี่ยน
เมื่อรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหว ฉืออิ๋งจึงเงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหาร พอมองเห็นใบหน้าของไป๋สิงเจี่ยนที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ กำลังเดินตรงมาที่นางช้าๆ ฉืออิ๋งจึงเอาหมั่นโถวอีกครึ่งลูกยัดเข้าปากในคราวเดียวจนเกือบสำลัก นางรีบหยิบช้อนที่อยู่ด้านข้างมากินน้ำแกงเข้าไปคำหนึ่ง
ไป๋สิงเจี่ยนใช้ไม้เท้าค้ำเดินเข้ามาใกล้ สายตากวาดมองจานชามบนโต๊ะที่มีปริมาณอาหารมากเกินกำลังของฉืออิ๋งเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายเพียงใด ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็ยิ่งดูไม่ได้
“อาหารมื้อนี้ที่องค์หญิงเสวยที่หลันไถให้จดบันทึกไว้ทั้งหมด แล้วรายงานต่อฝ่าบาท ให้กองคลังทำเรื่องจ่ายคืนมาที่หลันไถ”
ฉืออิ๋งที่เคี้ยวหมั่นโถวอยู่ถึงกับตะลึงงัน
คนครัวรับคำสั่ง เขารีบไปหาพู่กันกับกระดาษมาอย่างรวดเร็ว แล้วเริ่มตรวจนับอาหารที่อยู่ต่อหน้าฉืออิ๋งด้วยท่าทางแข็งขันเหมือนกำลังคิดเงินกับคนกิน
ไป๋สิงเจี่ยนยังไม่ยอมรามือเพียงแค่นั้น เขาถามไปที่คนครัวอีกคน “เมื่อครู่องค์หญิงเรียกร้องอะไร”
“องค์หญิงมีรับสั่งให้หลันไถทำ ‘อาหารพื้นๆ’ ให้หนึ่งมื้อขอรับ”
“อาหารพื้นๆ แบบใด”
“แป้งม้วนไส้ไข่ปู หนีอวี๋ ย่าง เป็ดห่านย่าง น้ำแกงข้นกีบอูฐ ไก่ฉีก ขาแพะตุ๋น เนื้อตากแห้งเสียบไม้ เนื้อแพะแล่บาง ขนมบัวลอย…”
เจ้าหน้าที่ของหลันไถผ่านวันเวลาที่เรียบง่ายจนคุ้นชิน สำหรับอาหารพิสดารที่ฉืออิ๋งร้องขอมานั้น อย่าว่าแต่เคยชิมเลย กระทั่งชื่อก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ไป๋สิงเจี่ยนตั้งใจฟังคนครัวแจ้งรายชื่ออาหารตามที่จดจำได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนจนจบ เขาจึงสั่งการซูลิ่งสื่อคนหนึ่ง “นำสมุดปกเขียวมา”