เวลาอาหารกลางวัน ภายในหลันไถจึงเงียบสงัดยิ่ง มีเพียงดอกกล้วยไม้ที่บานสะพรั่งอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
ฉืออิ๋งลัดเลาะเข้าไปจนถึงตึกด้านในของหลันไถ ระหว่างทางนางไม่พบเจอผู้ใดเลยสักคน กระทั่งเข้าไปถึงอาคารสีแดงหลังหนึ่งที่ปิดไว้อย่างแน่นหนา เหลียวมองรอบด้านยังคงไม่เห็นผู้ใด นางเงยหน้าขึ้นมองเห็นป้ายเขียนไว้ว่า…หอไท่สื่อ
หอลับที่มีเพียงไท่สื่อเท่านั้นถึงเข้าได้ ต่อให้เป็นถึงจักรพรรดินีแห่งต้าอิ่นก็ไม่อาจเดินเข้าไปในเขตหวงห้ามนี้ได้
ตันชิงจัดอาหารกลางวันชุดใหม่ให้กับไป๋สิงเจี่ยน ก่อนจะส่งตรงเข้าไปที่ห้องหนังสือ แล้ววางลงที่เบื้องหน้าตั่งของเขา
หัวหน้าสำนักหลันไถโกรธจนต้องเอนตัวนอนบนตั่ง
ต่อให้เป็นวันที่ฟ้าครึ้มฝนตก อากาศเย็นชื้น ทำให้หัวหน้าสำนักหลันไถเจ็บเข่าจนไม่อาจทนได้ไหว เขาก็ยังไม่ยอมเอนร่างนอนบนตั่งเช่นนี้เลย เห็นทีวันนี้ความอดกลั้นของเขาคงเกินขีดความอดทนไปแล้ว
เมื่อตันชิงเดินเข้ามาในห้องหนังสือก็ได้กลิ่นยาเข้มข้น ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ได้ว่าไป๋สิงเจี่ยนทายาให้ตนเองเรียบร้อยแล้ว จากระดับความเข้มของกลิ่นยาที่ลอยอยู่ในอากาศ คาดว่ายาที่ใช้คงมากพอดู ตันชิงจดจำไว้เงียบๆ ว่าเขาจะต้องไปร้านขายยาเพื่อซื้อยามาเพิ่ม เตรียมเผื่อไว้ในยามที่ผู้เป็นนายต้องการใช้
“ไท่สื่อ รับอาหารขอรับ” ตันชิงนำอาหารวางในบริเวณที่มือของไป๋สิงเจี่ยนเอื้อมถึง
“ไม่หิว เอาออกไป” ไป๋สิงเจี่ยนไม่ได้อารมณ์เสีย เพียงแต่เขาไม่รู้สึกหิวจริงๆ ร่างกายรู้สึกไม่สบายยิ่งแล้ว ยังจะมาพูดเรื่องกินอะไรได้อีก เป็นเพราะเอี้ยวตัวไปยังโต๊ะไม่สะดวก เขาจึงหยิบหนังสือขึ้นมาถือไว้แล้วบันทึกความเห็นลงไป
“กินสักเล็กน้อยเถอะขอรับ” ตันชิงทำใจกล้าเอ่ยขึ้น “ไท่สื่ออย่าไปถือสากับเด็กน้อยเลย”
พู่กันสีแดงของไป๋สิงเจี่ยนพลันหยุดชะงัก สายตาเขาเบนจากหนังสือมาที่ตันชิง แววตาทั้งมืดทั้งลึกล้ำจนอ่านไม่ออก “ข้าน่ะหรือถือสานาง นางมีค่าอะไรให้ข้าถือสากัน”
ตันชิงถึงกับสำลัก “เช่นนั้นไท่สื่อ…”
“เป็นเพียงการสั่งสอนขั้นเบา หวังว่าภายหลังนางจะมาวุ่นวายที่หลันไถให้น้อยลงหน่อย”
“อย่างไรเสียองค์หญิงก็เป็นถึงรัชทายาท ภายหลังหากขึ้นครองบัลลังก์แล้วนางก็ต้องปกครองหลันไถนะขอรับ!” ตันชิงคิดไปไกลมาก แม้ว่าไท่สื่อจะมีพู่กันอยู่ในมือ กระทั่งฝ่าบาทยังต้องเกรงกลัวถึงสามส่วน แต่นี่เป็นเพราะได้พบกับจักรพรรดินีที่มากความสามารถ ทำให้ใต้หล้าเฟื่องฟู แต่หากพบกับจักรพรรดินีที่ไร้ความสามารถ เกรงว่าคนที่ประสบเคราะห์กรรมคนแรกก็คือไท่สื่อ พูดอีกอย่างคือตันชิงจัดให้รัชทายาทผู้นี้เป็นว่าที่จักรพรรดินีที่ไร้ความสามารถ
“แม้หลันไถอยู่ใต้การปกครองของจักรพรรดินี ถึงอย่างนั้นอำนาจของไท่สื่อก็เป็นอิสระ ต่อให้เป็นจักรพรรดินีก็ไม่มีสิทธิ์มาตรวจดูบันทึกประวัติศาสตร์ที่เป็นความลับสุดยอดได้” ไม่มีผู้ใดไม่ประจักษ์ชัดถึงการทำงานของไป๋สิงเจี่ยน ตัวเขามีฐานะเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นก็จริง ทว่าแต่ไรมากลับไม่เคยเห็นจักรพรรดินี องค์ชาย แม่ทัพ หรือเสนาบดีอยู่ในสายตา
จะเป็นพวกที่มีตำแหน่งมากอำนาจก็ดี หรือเป็นจักรพรรดินีก็ช่าง แต่ละคนล้วนเฝ้ารอเพียงการบันทึกตัวอักษร ดังนั้นแต่ไรมาไป๋สิงเจี่ยนจึงไม่คำนึงว่าใครจะคิดเห็นอย่างไร หรือไปล่วงเกินคนจำนวนมากเพียงใด เป็นเพราะว่าเขามีฐานะเป็นถึงหัวหน้าสำนักหลันไถ แทบทุกคนล้วนเกรงกลัว กระทั่งแวดวงขุนนางมีคำกล่าวกันว่า…สำนักตรวจการฝังคนอย่างมากก็หนึ่งชั่วอายุคน ทว่าหลันไถกลับสามารถฝังคนได้หลายชั่วอายุคน ถึงขั้นลูกหลานหมดสิ้นการสืบทอด แล้วใครจะกล้าไปหาเรื่องเขา