ในเวลาเดียวกับที่ฉืออิ๋งกำลังหาความเป็นธรรมให้กับบิดาของนางอยู่นั้น นางก็อดนึกถึงตนเองขึ้นมาไม่ได้ หากว่านางขึ้นครองราชย์และแต่งงานขึ้นมา เฟิ่งจวินของนางก็ต้องถูกบันทึกอยู่ในชีวประวัติสนมชายาด้วยหรือ
ช่างเถิด เรื่องนี้ถือว่ายังมีเวลาคิด แม้ว่าระยะนี้มารดานางจะกำลังกลุ้มใจที่หาสามีให้กับนางไม่ได้ ถึงอย่างนั้นบิดานางกลับไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะหาสามีให้กับนางตั้งแต่ตอนนี้ นี่น่าจะเป็นความรู้สึกของมารดาทุกคนที่รู้สึกว่าลูกสาวของตนแต่งไม่ออก ขณะที่บิดาก็จะคอยกีดกันบุรุษทุกคนที่มีแนวโน้มว่าจะเข้ามาเป็นลูกเขย
ฉืออิ๋งเห็นว่าตนเองยังเที่ยวเล่นไม่สาแก่ใจ นางจึงทำเป็นหูทวนลม ไม่นำพาต่อคำของมารดาที่ให้รีบเร่งหาตัวเลือกสักหนึ่งหรือสองคนจากสำนักศึกษาเจาเหวิน พวกลูกหลานจากตระกูลชนชั้นสูงในที่นั้นจะมีใครกล้ามาเป็นสามีนางอีก
ฉืออิ๋งดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว นางวางบันทึกของสกุลเจียงแห่งซีจิงที่เกี่ยวกับบิดากลับเข้าที่เดิม แล้วก็ควานหากองหนังสือที่วางบนชั้นไม้แดงต่อไป พวกทายาทจากตระกูลใหญ่ที่น่าชังช่างมีมากมายนัก นางใช้เวลาพลิกอ่านอยู่เป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา* จึงเจอของที่คิดอยากได้ ‘สกุลชุยแห่งป๋อหลิง’ มีทั้งหมดสามสิบเล่ม
หมึกเป็นของใหม่ กระดาษก็ของใหม่ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งนำมาเก็บได้ไม่นาน
ฉืออิ๋งได้รับการยืนยันว่าไป๋สิงเจี่ยนละเลยเรื่องนี้จริงๆ สามสิบเล่มล้วนอยู่ที่นี่โดยไม่ขาดสักเล่ม นั่นก็หมายความว่าไป๋สิงเจี่ยนยังไม่สงสัย เขาจึงได้เอากลับเข้ามายังหอไท่สื่อแห่งนี้
ตันชิงไม่เคยเห็นไป๋สิงเจี่ยนมีอาการฉุนเฉียวเช่นนี้มาก่อน ย่างก้าวแต่ละก้าวเร็วจนน่าแปลกใจ ตันชิงได้แต่เดินกึ่งวิ่งตามมาข้างหลังด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คิดจะไปตามคนมาช่วย แต่ก็กลัวว่าผู้เป็นนายจะรีบร้อนจนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เขาจึงตามติดกระชั้นชิดต่อไป
เห็นไป๋สิงเจี่ยนมุ่งไปทางหอไท่สื่อ ตันชิงก็รู้สึกได้อยู่ลึกๆ ว่าเห็นทีคงจะมีเรื่องราวไม่ดีเกิดขึ้นแน่
บนทางเดินมีเจี้ยวซูหลางสองคนผ่านมา กำลังพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เมื่อเห็นหัวหน้าสำนักหลันไถสวนทางมา เสื้อที่ใส่ถึงขั้นกระพือลมยามย่างก้าว ทั้งสองก็ตระหนกวูบในทันที ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
ตันชิงที่อยู่ข้างหลังไป๋สิงเจี่ยนตะโกนบอกกับ ‘หุ่นไม้สองตัว’ นั้นว่า “รีบหลีกทางเร็วเข้า!”
ทั้งสองคนจึงได้คืนสติ ขณะที่ไป๋สิงเจี่ยนเกือบจะชนพวกเขาอยู่แล้วนั้น ทั้งสองก็รีบกระโจนร่างออกไปจากทางเดิน ร่างของพวกเขาทั้งคู่เข้าไปอยู่ในกอดอกกล้วยไม้ทันที
เจี้ยวซูหลางทั้งสองหันร่างกลับไปมอง บนศีรษะของพวกเขายังมีดอกกล้วยไม้ติดอยู่ ทั้งสองเห็นเพียงท่าเดินอันเร่งรีบของไป๋สิงเจี่ยนมุ่งหน้าไปยังหอไท่สื่อ ทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก เมื่อครู่ตอนพวกเขากินอาหารพลางพูดคุยกันสนุกปากอยู่นั้น หรือว่าได้เผลอละเลย ‘ดาวหายนะ’ ไป
ประตูสีแดงทั้งสองบานของหอไท่สื่อปิดอยู่ ทว่ากุญแจลับที่อยู่ด้านบนกลับเปิดเอาไว้ ไป๋สิงเจี่ยนค้ำไม้เท้าหยุดตรงหน้าประตู หน้าอกพลันกระเพื่อมขึ้นลง ตอนแรกเขาเพียงหวังว่าตนเองจะกังวลมากเกินไปเอง บางทีเขาอาจแค่ไม่ระวังเผลอทำกุญแจหล่นหายไป ทว่าทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้านี้กลับมุ่งไปสู่ทิศทางที่เลวร้ายที่สุด