ฉืออิ๋งล้างหน้าแล้วก็นั่งลงบนธรณีประตูของหอไท่สื่อ นางวาง ‘ชีวประวัติสนมชายา’ ซึ่งเป็นหนังสือเล่มหนาลงบนตักแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างเอาจริงเอาจัง มีสะอื้นบ้างเป็นระยะๆ ครั้งสองครั้ง
เพื่อจะได้ปิดประตูใหญ่ของหอไท่สื่อได้ เขาจำต้องรอให้ฉืออิ๋งอ่านจบเสียก่อน ไป๋สิงเจี่ยนจึงรอด้วยการเดินช้าๆ อยู่ภายในหอไท่สื่อ และคอยจัดระเบียบหนังสือไปด้วย ยามที่เดินมาถึงข้างชั้นหนังสือทายาทตระกูลใหญ่ เขาก็หรี่ตามองอย่างละเอียด การจัดเรียงของหนังสือไม่มีผิดเพี้ยน เขามองจากช่องว่างบนชั้นหนังสือไปที่ประตูแวบหนึ่ง เห็นเพียงด้านหลังของฉืออิ๋งที่ก้มหน้าอ่านหนังสือ
ผ่านไปไม่นาน ตอนที่ไป๋สิงเจี่ยนมองผ่านช่องว่างของชั้นหนังสือไปที่ประตูอีกครั้ง เขาก็เห็นศีรษะของฉืออิ๋งพิงประตูนอนหลับไปแล้ว
อ่านหนังสือคืออ่านหนังสือ นอนคือนอน อ่านหนังสือแล้วสัปหงกเป็นเรื่องที่ไป๋สิงเจี่ยนไม่ชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
คนที่ไม่มีระเบียบเช่นนี้กลับเป็นถึงรัชทายาท ช่างไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ไป๋สิงเจี่ยนมีความไม่ชอบใจอยู่เต็มอกขณะเดินไปหาฉืออิ๋งเตรียมริบเอาหนังสือที่ล้ำค่าในหอไท่สื่อคืนมา เขาหยุดยืนตรงธรณีประตู แล้วโน้มตัวลงหยิบหนังสือที่วางอยู่ตรงตักฉืออิ๋ง จึงได้รู้ว่านางอ่านค้างอยู่ตรงหน้าที่เป็นเพียงหนึ่งในสิบของหนังสือเท่านั้น เจ้าเด็กไม่เอาไหน! ช่างน่าโมโหจริงเชียว เสียแรงที่ข้ายืนจัดเก็บหนังสือในหอจนเมื่อยขาเพื่อรอให้เจ้าอ่านจนจบ
การฉีกกฎในครั้งนี้ช่างไร้ความหมายยิ่งนัก ไป๋สิงเจี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วปิดหนังสือลงด้วยความขุ่นเคืองใจ ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกว่าที่ขาตนเองมีบางสิ่งมากระทบ เขาก้มหน้าลงมองก็เห็นร่างฉืออิ๋งที่เดิมพิงอยู่ข้างประตูค่อยๆ เอนมาทางข้างหลัง เพียงครู่เดียวทั้งแผ่นหลังของนางก็พิงอยู่ที่ขาสองข้างของไป๋สิงเจี่ยนแล้ว
ความรู้สึกอันยากจะทานทนพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
ทันทีที่ฉืออิ๋งมีที่พิงแล้ว นางก็นอนหลับอย่างผ่อนคลาย สบายเสียจนเกาหลังศีรษะด้วย
อย่างไรเสียไป๋สิงเจี่ยนก็ไม่สามารถใช้ไม้เท้าตีรัชทายาทที่นอนไม่ถูกเวลาได้ เขาจึงได้แต่โน้มร่างลงแล้วใช้หนังสืออันล้ำค่าของหอไท่สื่อตีไปที่หัวไหล่ฉืออิ๋งทีหนึ่ง ตั้งใจปลุกให้นางตื่น ทว่าอาการตอบสนองของฉืออิ๋งกลับมีแค่เอามือไปเกาบริเวณที่ถูกตีครั้งหนึ่ง แล้วนอนหลับต่อด้วยลมหายใจที่สม่ำเสมอยิ่ง
ไป๋สิงเจี่ยนยืนนิ่งค้างไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้หนังสือเล่มนั้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้นำมาคั่นระหว่างศีรษะของนางกับขาของเขา ให้ศีรษะของนางพิงกับหนังสือแทน จริงๆ นี่ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไรนัก
เขามองไปที่ด้านนอกหอไท่สื่อ หวังว่าจะมีใครสักคนผ่านมาช่วยแก้ไขความยุ่งยากนี้ได้ แต่หอไท่สื่อเป็นเขตหวงห้าม หลังจากตันชิงเอาน้ำร้อนมาให้แล้วก็ไปจัดการงานอื่น ทางเจ้าหน้าที่หลันไถคนอื่นๆ ที่ไม่มีธุระสำคัญก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาเฉียดใกล้ที่นี่
เมื่อศีรษะฉืออิ๋งหนุนของแข็งนานเข้าก็รู้สึกไม่สบายตัว นางขยับร่างเล็กน้อย ทว่าขยับไปแล้วก็เจอกับอากาศจนหงายหลัง หากเป็นคนทั่วไป เมื่อหงายหลังไปเช่นนี้ย่อมต้องตื่นในทันทีทันใด แต่องค์หญิงมิใช่คนทั่วไป นางยังคงนอนหลับได้อย่างเต็มที่แม้กำลังหงายหลังอยู่ คงเป็นเพราะนางร้องไห้หนักจนหมดแรงเป็นแน่ ร่างกายจึงต้องการการพักผ่อนมากเพียงนี้
เห็นเช่นนั้นไป๋สิงเจี่ยนจึงวางหนังสือลงกับพื้น แล้วยื่นฝ่ามือออกไปรองรับศีรษะของนางเอาไว้ ฝ่ามือเขาพลันเจ็บจี๊ดๆ ราวกับสัมผัสตัวเม่น นึกอยากขว้าง ‘เจ้าตัวเม่นนี้’ ทิ้งไปเหลือเกิน ดาวหายนะนี้ช่างยุ่งยากเสียจริง!
การรองรับศีรษะได้อย่างเหมาะเจาะนี้ยิ่งช่วยให้ฉืออิ๋งหลับสบายมากขึ้น นางพลิกตัวกลับมากอด ‘หมอน’ เอาไว้พลางหลับอุตุ ไป๋สิงเจี่ยนดึงแขนกลับมาไม่ได้ ด้วยท่อนแขนของนางรัดแขนเขาแน่นเสียเหลือเกิน ร่างเขานิ่งค้างจนเหงื่อท่วมหน้าผาก รู้สึกว่าตนเองตัดสินใจผิดไปเล็กน้อย หากปล่อยให้นางพิงกับขอบประตูต่อไป อีกประเดี๋ยวพอล้มกระแทกพื้นแล้วก็จะตื่นขึ้นมาเอง เขาก็ไม่ต้องมาพบเจอกับความยุ่งยากเช่นนี้
เอวก็เมื่อย ขาก็เมื่อย ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องยืนต่อไป ทีแรกเขาแทบจะหยัดร่างต่อไปไม่ไหว มือข้างหนึ่งถือไม้เท้ายันไว้ที่พื้น ส่วนแขนอีกข้างก็โอบร่างฉืออิ๋งมาไว้ที่ข้างเอว ก่อนจะใช้มือยันกับไม้เท้าเอาไว้ แล้วออกแรงอุ้มตัวเม่นน้อยขึ้นมาบนหลังของเขา