จั่นคุนเผิงกัดที่ด้ามพู่กันก่อนแลกเปลี่ยนข่าวคราวในราชสำนักกับฉืออิ๋ง “ได้ยินมาจริง อาลักษณ์ที่ทำผิดเป็นคนที่อาจารย์ไว้วางใจมากที่สุด ข้าแทบไม่อยากจะเชื่อเลย ได้ยินมาว่าอาจารย์เกือบจะถูกดึงเข้าไปในเรื่องนี้ด้วย สำนักตรวจการที่เกือบกล่าวหาสำเร็จ สุดท้ายกลายเป็นหัวหน้าสำนักตรวจการเกือบเอาตัวไม่รอดแทนเสียได้ องค์หญิง ท่านว่าเรื่องนี้จะกระทบมาถึงตัวอาจารย์หรือไม่ หากอาจารย์โกรธขึ้นมา ก็จะมีอาการป่วย พวกเราก็ไม่ต้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ใช่หรือไม่ และไม่ต้องทำการบ้านมากมายเช่นนี้ คิดๆ ดูก็อยากรอดูสักหน่อย”
“เจ้าโง่! เจ้ายังไม่เห็นฝีมือของอาจารย์เลย ยากนักที่เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้จะทำให้เขาป่วย อีกอย่างหลันไถยังมีเจ้าหน้าที่อีกจำนวนมาก ลดไปหนึ่งคนก็ยังมีคนอีกนับไม่ถ้วน ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรเลย”
ขณะที่ทั้งสองกำลังปรึกษากันอย่างออกรส คุณชายบ้านเสนาบดีกรมกลาโหมเมิ่งกวงหย่วนก็มาปรากฏตัวที่ข้างตัวฉืออิ๋งด้วยท่าทางที่น่าสงสัย “องค์หญิง ชั้นเรียนวันนี้ พระองค์ยังจะทรงเปลี่ยนที่นั่งกับกระหม่อมหรือไม่” เขารู้สึกว่าหากตนเองเป็นผู้เสียสละเองก่อนก็น่าจะทำให้ฉืออิ๋งยอมรับในตัวเขาขึ้นมาบ้าง
พู่สีแดงบนรองเท้าของฉืออิ๋งยังคงแกว่งไม่หยุด “อะไรกัน นี่เจ้าคิดจะยึดที่นั่งพิเศษแถวหน้าของข้ารึ อยากใกล้ชิดอาจารย์?”
เมิ่งกวงหย่วนตกใจยิ่งยวด “ไม่! มะ…ไม่! กระ…กระหม่อมไหนเลยจะกล้ายึดที่นั่งพิเศษขององค์หญิงมาได้เล่า ยิ่ง…ยิ่งไม่กล้าใกล้ชิดอาจารย์”
“อาจารย์มาแล้ว!” ในชั้นเรียนมักมีคนรู้ความเคลื่อนไหวของศัตรูล่วงหน้า
ชั่วขณะนั้นร่างกายของเมิ่งกวงหย่วนพลันกระตุก เขาวิ่งอย่างรวดเร็วไปยังที่นั่งแถวสุดท้าย เขาเป็นคนที่ขี้ระแวงยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก สำหรับเขาแล้ว การมีอาจารย์อยู่ก็เหมือนกับมีเสือร้ายอยู่ด้วย
จั่นคุนเผิงรีบทำการบ้านให้เสร็จ
ฉืออิ๋งหยิบสมุดการบ้านของตนกลับมาไว้กับตัว แล้วจัดท่านั่งให้เรียบร้อย
ไป๋สิงเจี่ยนมาสอนที่สำนักศึกษาเจาเหวินอย่างตรงเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม ทันทีที่เงาร่างของเขาปรากฏ ไม่สิ เพียงแค่เสียงไม้เท้ากระทบพื้นดังมาให้ได้ยิน เสียงจอแจในห้องเรียนก็เงียบลงในฉับพลัน กระทั่งฉืออิ๋งยังนั่งตัวตรง
“การบ้านของครั้งก่อนให้นำมาส่งได้” ไป๋สิงเจี่ยนวางไม้เท้าลงพลางกวาดตามองไปทั่ว
ฉืออิ๋งลุกขึ้นยืนก่อนใคร นางถือสมุดการบ้านของตนเองพลางเยื้องย่างมาที่เบื้องหน้าโต๊ะอาจารย์ ยืนตรงตำแหน่งที่พวกผู้เรียนมักยืนกัน ทว่านางกลับไม่ได้วางสมุดการบ้านลงบนโต๊ะ กลับเดินอ้อมโต๊ะไปหยุดอยู่ที่ข้างกายของไป๋สิงเจี่ยน
สหายในชั้นเรียนต่างตกตะลึงพรึงเพริด
จู่ๆ ข้างกายก็มีกลิ่นหอมวนเวียนเช่นนี้ ไป๋สิงเจี่ยนพลันขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ฉืออิ๋งทำท่าจะวางสมุดการบ้านลงบนโต๊ะอย่างเคารพนอบน้อม มุมแขนเสื้อที่บางเบาพลิ้วผ่านหัวไหล่ของไป๋สิงเจี่ยน ไป๋สิงเจี่ยนจึงเบี่ยงตัวออกข้างๆ หมายจะหลบเลี่ยง ทว่าฉืออิ๋งกลับทำทีเป็นลังเล ไม่รู้ว่าควรวางสมุดการบ้านลงบนโต๊ะของอาจารย์ทางซ้ายหรือทางขวาดี หรือจะเป็นข้างหน้าหรือข้างหลัง ดังนั้นนางจึงลองวางทุกตำแหน่ง ตำแหน่งละหนึ่งรอบ แต่ละครั้งแขนเสื้อสีชมพูก็จะพลิ้วผ่านด้านข้าง ส่งกลิ่นหอมอบอวล
ไป๋สิงเจี่ยนทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว เขาคว้าสมุดการบ้านมาจากฉืออิ๋ง พลางวางแรงๆ ลงบนโต๊ะทางด้านซ้ายมือตนเอง “ทรงถอยกลับไป!”
“ได้เจ้าค่ะ อาจารย์” ฉืออิ๋งเผชิญหน้ากับไป๋สิงเจี่ยนพลางโค้งคำนับอย่างงดงาม ปอยผมข้างจอนก็ย้อยลงที่กระทบหลังมือของไป๋สิงเจี่ยน
สุดท้ายเหล่าผู้เรียนในสำนักศึกษาเจาเหวินก็พบว่าวันนี้อาจารย์ทำการสอนอย่างเย็นชายิ่ง โดยเฉพาะยามที่สายตากวาดมองผ่านมายังที่ที่หนึ่งในแถวหน้าสุด หลังเลิกชั้นเรียนก็ยังมอบหมายการบ้านให้อีกจำนวนมาก
โปรดติดตามตอนต่อไป…