เฟิ่งจวินที่อยู่หลังฉากบังลมถึงกับโล่งอก เป่าเปาช่างโง่เขลาเสียจริง ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของไท่สื่อได้ หากว่าไป๋สิงเจี่ยนยังกดขี่ข่มเหงคนต่อไปอีก…ข้าคงทนดูต่อไปไม่ไหว ต้องลงมือบ้างแล้ว แต่นี่เป่าเปาก็ช่างใสซื่อเกินไป คนเขากล่าวว่าบนศีรษะเจ้ามีเกสรดอกไม้โดยไร้หลักฐาน ขอเพียงถึงตายก็ไม่ยอมรับก็สิ้นเรื่อง! เป่าเปาคิดจะรับมือกับคนเจ้าเล่ห์อย่างไท่สื่อนั้น ดูไปแล้วช่างไร้หนทางชนะโดยสิ้นเชิง คิดแล้วก็ให้หดหู่ใจเสียจริง
ใจของเฟิ่งจวินล้วนอยู่ที่ตัวบุตรสาว เขาคร้านจะไปนึกถึงคนข้างๆ และไม่กังวลสักนิดหากไป๋สิงเจี่ยนจะรู้ว่าเขาหลบอยู่หลังฉากบังลม
ไป๋สิงเจี่ยนเองก็ไว้หน้าฉืออิ๋ง อย่างไรเสียฉืออิ๋งก็ถือเป็นดวงใจของเฟิ่งจวิน หากเขายังกดดันจนฉืออิ๋งต้องอับจนหนทางขึ้นมา เกรงว่าเฟิ่งจวินคงไม่นั่งดูดายเป็นแน่ หากทำให้เฟิ่งจวินโกรธเกลียด หลันไถคงไม่ได้รับเงินไปอีกหลายเดือน เนื่องจากเหมืองทองแดงที่ซีจิงก็ถือเป็นกำลังสำคัญของท้องพระคลัง
หลูฉี่กลับคิดไว้ว่า พันธมิตรที่ย่ำแย่ถูกตัดสินให้ไร้ความผิดไปแล้ว ข้าก็ได้แต่ต้องเตรียมออกรบเพียงผู้เดียว!
คลี่คลายเรื่องฉืออิ๋งได้แล้ว ไป๋สิงเจี่ยนก็ไม่คิดเปลืองเวลาอีก เอ่ยเข้าประเด็นทันที “ฝ่าบาททรงเรียกกระหม่อมเข้าเฝ้าด้วยเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อปัญหาอ้อมผ่านฉืออิ๋งไปแล้ว หยวนสี่ตี้ก็ตัดสินใจว่าจะจัดการกับบุตรสาวในภายหลัง
“หัวหน้าสำนักตรวจการฟ้องร้องไท่สื่อ กล่าวหาว่าเจ้ารับสินบน ละเลยต่อหน้าที่ บันทึกเรื่องราวอย่างไม่เป็นธรรม มุ่งหมายก่อกบฏ ไป๋สิงเจี่ยน เจ้ามีอะไรจะชี้แจงหรือไม่” หยวนสี่ตี้เอ่ยอย่างเคร่งขรึมในทันใด
ฟังมาถึงตรงนี้ฉืออิ๋งก็รวบรวมสติขึ้นมาอีกครั้ง
ฟังข้อกล่าวหาเหล่านี้แล้ว ใบหน้าของไป๋สิงเจี่ยนก็ไม่มีความรู้สึกใดปรากฏ ราวกับว่าผู้ที่ถูกฟ้องร้องหาใช่ตัวเขา “กราบทูลฝ่าบาท นี่เป็นเพียงข้อกล่าวหาที่แค่ ‘อาจจะมี’ กระหม่อมไม่กล้ารับพ่ะย่ะค่ะ”
“ไป๋สิงเจี่ยน เหตุใดจึงแค่อาจจะมีเล่า” หลูฉี่เงียบอยู่นาน ช่วงเวลาที่เขาเฝ้ารอก็คือในตอนนี้
“สำนักตรวจการมักแต่งเติมข้อกล่าวหา ถนัดเรื่องการกล่าวหาเกินจริง หลายปีมานี้ข้าล้วนฟังมามากจนคล้ายว่าจะคุ้นชินแล้ว” ไป๋สิงเจี่ยนใช้น้ำเสียงที่ไม่สะทกสะท้านกล่าวตอบคู่แค้นเก่า
“หากไม่มีข้อกล่าวหา แล้วจะไปแต่งเติมได้อย่างไร” หัวหน้าสำนักตรวจการเอ่ยตอบโต้ทันควัน
“หากมีโทษเช่นนั้นจริงก็ต้องขอฟังรายละเอียดก่อนแล้ว” ไป๋สิงเจี่ยนเอ่ยขึ้นอย่างสงบ
หลูฉี่ขยับขึ้นหน้าไปอีกก้าวหนึ่ง “ฝ่าบาทเคยได้ยินเรื่อง ‘ฝันเห็นพู่กันผลิดอก’ หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
แม้ชีวิตอันยากลำบากจะทำให้หยวนสี่ตี้ได้เรียนหนังสือมาไม่เท่าไร แต่เรื่องแปลกมากมายก็พอได้ยินเฟิ่งจวินเล่าให้ฟังอยู่บ้าง นางจึงพยักหน้ารับ “เรื่องนี้เราก็ได้ยินมาเช่นกัน รู้มาว่าเป็นพู่กันชนิดหนึ่งที่เล่าลือกันว่าปลายพู่กันออกดอกได้ห้าสี ใช้พู่กันนี้เขียนแล้วตัวอักษรจะออกมางดงามอ่อนช้อย เราเองก็อยากได้พู่กันแบบนี้สักด้ามหนึ่งเช่นกัน แต่เฟิ่งจวินบอกว่ามีเขาอยู่ก็พอแล้ว…”
ได้ยินหยวนสี่ตี้กำลังจะกล่าวออกนอกเรื่อง หลูฉี่จึงรีบตัดบท “ไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ ทว่าฝ่าบาทอาจยังไม่ทราบว่าคำเล่าลือนี้นำมาซึ่งหมึกมีค่าหายากชนิดหนึ่งซึ่งมีนามว่า ‘หมึกวิเศษของพู่กันผลิดอก’ หากใช้หมึกนี้เขียนบทความก็ไม่กลัวไฟเผาไม่กลัวเปียกน้ำแล้ว สามารถรักษาบทความนี้ให้คงอยู่ได้ตลอดไป เหมาะที่อาลักษณ์จะเอาไว้ใช้ประโยชน์” พูดจบแล้วก็ปรายตามองไปยังไป๋สิงเจี่ยนอย่างมาดร้าย แม้ว่าคนถูกมองจะยังไม่มีอาการตอบสนองใดเช่นเดิม