“ความผิดของชุยซั่งเกรงว่าจะเป็นผลงานที่ได้รับมาจากอดีตหัวหน้ามาถึงใต้เท้าหลู ใต้เท้าหลูต่อยอดผลงานนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทว่ากับเรื่องอื่นๆ กลับทำไม่รู้เรื่องเสียอย่างนั้น”
ภายใต้การกล่าวชี้นำของไป๋สิงเจี่ยน หัวหน้าสำนักตรวจการผู้นี้ได้กลายเป็นคนที่ละเลยต่อหน้าที่ น่าอับอายขายหน้า ท่าทีที่จะกำจัดผู้พบเห็นต่างปรากฏชัด เผยอยู่ชัดแจ้งต่อหน้าหยวนสี่ตี้แล้ว
“หลูฉี่! เมื่อเจ้ารับตำแหน่งหัวหน้าสำนักตรวจการก็ไม่อาจใช้อดีตหัวหน้ามาเป็นข้ออ้างได้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทำอะไรบ้างยังไม่รู้เลย แล้วเจ้าจะอยู่ดูแลสำนักตรวจการได้อย่างไร หลักฐานที่เจ้าว่ามาก่อนหน้ากลายเป็นเชื่อไม่ได้ไปทันที มิสู้ทำในเรื่องที่ควรทำ ทำงานในหน้าที่ให้เต็มกำลังดีกว่า เราให้เวลาเจ้าตรวจหาความจริงสามวัน หากเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนปิดบังเรื่องสกุลชุยหรือรู้เห็นกับสกุลชุยจริง การสมรู้ร่วมคิดมีโทษสถานหนัก” หยวนสี่ตี้สั่งสอนอย่างจริงจัง
“กระหม่อมน้อมรับคำสอนสั่งของฝ่าบาท” หลูฉี่พ่ายแพ้ไปด้วยความเจ็บแค้น
“ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องยิ่ง พวกกระหม่อมรับฟังแล้วต่างก็ซาบซึ้ง” เฟิ่งจวินตอบรับได้อย่างเหมาะสม ก่อนกล่าวขึ้นอย่างสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด “คราวหลังอย่าได้นำเรื่องเล็กๆ มาทำให้ฝ่าบาททรงระคายพระทัยเลย พวกท่านเพียงดูแลงานของตนเองให้ดี อย่าเอาแต่โต้เถียงกันไปมาที่วาจา ยังมีศาลสถิตยุติธรรมและกรมอาญาอยู่ อย่าให้พวกเขาว่างงานจนเกินไป ดีแล้ว ฝ่าบาททรงฟังพวกท่านโต้แย้งกันมานานมากจนทรงหิวมากแล้ว กระทั่งพระกระยาหารค่ำก็เย็นชืดหมดแล้ว”
“พรุ่งนี้เราจะฟังถ้อยคำจากศาลสถิตยุติธรรมอีกครั้ง ทั้งสองคนกลับไปได้!” หยวนสี่ตี้รีบร้อนลุกจากโต๊ะ เมื่อได้ยินเฟิ่งจวินบอกว่าอาหารค่ำเย็นหมดแล้ว นางก็รู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมา
หยวนสี่ตี้กับเฟิ่งจวินจูงมือเดินออกไปด้วยกัน ฉืออิ๋งเดินตามหลังไปใกล้ๆ
ไป๋สิงเจี่ยนและหลูฉี่ทูลลาพร้อมกัน เมื่อทั้งสองมาถึงประตูตำหนักก็ต้องจัดลำดับออกก่อนหลัง หลูฉี่ก้าวช้าลงหนึ่งก้าว แล้วให้ไป๋สิงเจี่ยนเดินออกไปก่อน
“วันนี้ได้ประจักษ์ฝีมือของไท่สื่อแล้ว ทำให้ข้าต้องนับถือแล้ว” หลูฉี่ค้อมกายให้
“ใต้เท้าหลูไม่ต้องมากมารยาท” ไป๋สิงเจี่ยนไม่คิดตอบรับหลูฉี่แต่อย่างใด เพียงใช้ไม้เท้าค้ำร่างเดินออกไปนอกธรณีประตู
“ไท่สื่อใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วยามก็พบเบาะแสและเตรียมการรับมือทั้งหมดได้แล้ว ท่านทำงานไม่เคยมีตกหล่นเช่นนี้มาตลอด แม้พบช่องโหว่ก็แก้ไขสถานการณ์ได้ทันเวลา ทั้งยังหาโอกาสตอบโต้คู่ปรับได้อีก” หลูฉี่เร่งฝีเท้าตามมาหนึ่งก้าว ก่อนจะช่วยประคองไป๋สิงเจี่ยน
“ใต้เท้าหลูกล่าวหนักไปแล้ว หากไม่เป็นเพราะสำนักตรวจการอยากขัดแย้งกับหลันไถให้ถึงที่สุดก่อน แล้วอยากเปิดโปงเรื่องภายในของตนเอง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไร้ช่องโหว่ได้ เพียงแต่ต้องดูว่าหลังคาบ้านใครที่รูใหญ่กว่ากัน เมื่อรูยิ่งกว้าง การแก้ไขย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งจะเกิดเรื่องผิดพลาดได้” ไป๋สิงเจี่ยนแยกแยะต้นตอให้คู่ปรับฟังอย่างใจเย็น เวลาเดียวกันก็ดึงแขนออก เลี่ยงการประคองของหลูฉี่
การกระทำนี้ของไป๋สิงเจี่ยนทำให้หลูฉี่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่สบอารมณ์เขาเพียงใด ไม่คิดเลยว่าไท่สื่อจะใจแคบถึงเพียงนี้ มีแค้นต้องชำระไม่ผิดเลย!
กระนั้นหลูฉี่ก็เป็นคนช่างตอแยผู้หนึ่ง “หลันไถกับสำนักตรวจการถือว่าเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงมาช้านาน ในเมื่อไปทางเดียวกันอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ขอให้ข้า…”
“ไม่ต้อง” ไป๋สิงเจี่ยนเอ่ยตัดบทหลูฉี่ “แม้ข้ากับอดีตหัวหน้าสำนักตรวจการจะเป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายปี ถึงแม้ไปทางเดียวกัน เกี้ยวทั้งสองหลังก็จะตั้งห่างกันหลายจั้ง ไม่เคยจับมือประคองกันเลย ขอใต้เท้าหลูทำตามธรรมเนียมที่อดีตหัวหน้าเคยทำมาด้วย ข้าเคยชินเช่นนั้นมากกว่า” เขาพลันหยุดพูดลงครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสริมขึ้น “ยังมี ข้าไม่ชอบให้ใครมาช่วยประคอง และไม่ชอบให้ใครมาเดินใกล้เกินสามก้าว”