ไป๋สิงเจี่ยนก้าวเท้าไปยังจุดกำเนิดของวงคลื่นอย่างรวดเร็ว ในคืนที่หนาวเย็นเช่นนี้ หน้าผากเขากลับมีเหงื่อท่วม รอเมื่อโยนไม้เท้าทิ้ง กระโดดลงน้ำ ในสมองของเขาก็เหลือเพียงความว่างเปล่า อาศัยสัญชาตญาณและสายตาที่เห็นได้รางๆ แล้ว เขาก็ไปถึงตัวฉืออิ๋งได้ มือหนึ่งอุ้มนางไว้ ก่อนจะพานางโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ
ราวกับได้ว่ายน้ำมาตลอดชีวิต ไป๋สิงเจี่ยนอุ้มฉืออิ๋งขึ้นฝั่งด้วยความเหน็ดเหนื่อยยิ่ง กระทั่งจะลุกขึ้นยืนยังยากลำบาก ทั้งสองพลันเปียกปอนไปทั้งร่าง แต่ในช่วงความเป็นความตายนี้ไม่อาจคำนึงถึงอะไรมาก เขาหงายร่างของฉืออิ๋ง แล้วกดฝ่ามือซ้ำๆ ไปที่หน้าอกของนางเพื่อให้นางสำลักน้ำออกมา ทว่าฉืออิ๋งไม่มีอาการตอบสนองใดๆ
ฉับพลันก็มีประกายแสงพุ่งตรงมา ไป๋สิงเจี่ยนมือหนึ่งอุ้มฉืออิ๋ง มืออีกข้างก็จับไม้เท้า เพียงพลิกฝ่ามือก็ฟาดมีดสั้นจนกระเด็นออกไปได้แล้ว ก่อนจะวาดไม้เท้าตีไปยังคนที่ลอบทำร้ายจนต้องล่าถอยออกไป
“หากเจ้าเชือดคอตนเองเสียแต่ตอนนี้ อาจรอดพ้นจากการทนรับความเจ็บปวดตามเนื้อตัว” ไป๋สิงเจี่ยนมองตรงไปที่ฉืออิ๋ง ไม่ได้หันหน้าไปยังคนที่ลอบทำร้าย
“ไท่สื่อ?” เมื่อองครักษ์หลวงมองชัดว่าใครเป็นคนช่วยฉืออิ๋งแล้ว เขาก็พลันอกสั่นขวัญผวาไปทันที และที่น่าตระหนกยิ่งกว่านั้นก็คือ…เจ้าบุรุษหนุ่มใจกล้าเทียมฟ้าผู้นี้ถึงกับกล้าคิดลงมือสังหาร
บุรุษหนุ่มกำฝ่ามือตนเองที่ถูกตีจนเจ็บ พลางจ้องไปที่บุรุษผู้นั้นที่ทางหนึ่งคอยระแวดระวังป้องกันตัว อีกทางหนึ่งก็พยายามช่วยเหลือให้รัชทายาทฟื้น
“เชือดคอตนเอง? ขออภัยด้วยที่ข้าไม่เคยมีความคิดนี้มาก่อน แต่ในเมื่อเจ้าร้อนใจเรื่องนางมากพียงนี้ มิสู้ตายไปพร้อมกันเสียเลย ข้าจะช่วยพวกเจ้าเอง” บุรุษหนุ่มมองออกว่าที่ใช้ตีตนเมื่อครู่นี้ก็คือไม้เท้า เจ้าตัววุ่นวายนี้ขอเพียงขาดไม้เท้าไปก็คงเดินไม่ได้แล้ว ไม่เห็นต้องเป็นกังวลสักนิด
“เขาคือไท่สื่อ เป็นหัวหน้าสำนักหลันไถเชียวนะ ถือเป็นขุนนางใหญ่!” องครักษ์หลวงพลันรู้สึกว่าคืนนี้ช่างโชคร้ายยิ่งนัก เขาก็แค่อยากหาความสำราญกับบุรุษหนุ่มสักคน แล้วเหตุใดต้องให้องครักษ์ตัวเล็กๆ เช่นเขามาเจอกับคนที่ไม่มีใครกล้ามีเรื่องด้วยเช่นนี้
“จะกลัวอะไรกับขุนนางใหญ่เล่า ในเมื่อแม้แต่รัชทายาทเจ้าก็โยนลงในสระมาแล้ว ยังจะไปสนใจว่าเพิ่มอีกคนลดอีกคนด้วยเหตุใด ก็แค่ทำให้เหมือนว่าตายเพราะรักสิ” บุรุษหนุ่มพลันโยนข้อหาไปให้องครักษ์หลวง ก่อนเอ่ยยุแหย่อย่างเหี้ยมโหด
“แต่ว่า…แต่ว่าการให้พวกเขาตายเพราะรักเช่นนี้ คนที่ฉลาดสักหน่อยย่อมไม่เชื่อแน่!”
“เจ้าโง่! ตายเพราะรักนั้นเป็นเพียงวิธีพูดให้ฟังดูดี อาจเป็นเพราะหัวหน้าสำนักหลันไถพบรัชทายาทในยามค่ำคืน ใจจึงไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไร เมื่อรัชทายาทไม่ยินยอม ตอนที่ปลุกปล้ำ ทั้งสองจึงพลัดตกลงไปในสระ…”
ไป๋สิงเจี่ยนพยายามกดย้ำๆ บนหน้าอกของฉืออิ๋งอยู่ตลอด สุดท้ายฉืออิ๋งที่ฟุบอยู่ข้างกายเขาก็ส่งเสียงเอิ้กครั้งหนึ่ง ฉับพลันก็มีน้ำพุ่งออกจากปาก
หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่ง บุรุษหนุ่มผู้นั้นก็ไม่กล้าลงมืออีกครั้ง จึงได้แต่ใช้การยุแหย่องครักษ์หลวงที่ดูขลาดกลัว
องครักษ์หลวงฟังแล้วก็รู้สึกอับจนหมดหนทาง ยามนี้เขาค่อยๆ มีใจคิดฆ่าไป๋สิงเจี่ยนแล้ว
หากว่ากันด้วยเรื่องของกำลัง ไป๋สิงเจี่ยนกับฉืออิ๋งย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององครักษ์ อีกอย่างฉืออิ๋งยังคงสลบไสลอยู่ จะฟื้นขึ้นมาตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย ในยามนี้ก็ไม่รั้งรอต่อไปได้อีก
องครักษ์หลวงถูกหว่านล้อมให้คล้อยตามแล้ว เขาจึงเริ่มขยับเท้าก้าวขึ้นมา
หัวหน้าสำนักหลันไถในสภาพเปียกปอนนั่งอยู่ข้างสระ โดยที่มือหนึ่งโอบฉืออิ๋งไว้ รูปร่างของเขายิ่งดูผอมบาง น้ำหยดจากเส้นผมของเขา
เจ้าคนพิการที่แม้แต่ยืนยังยืนไม่ได้ผู้นี้ ขุนนางใหญ่แถวหน้าก็เท่านี้เอง องครักษ์หลวงมองด้วยสายตาเหยียดหยามแล้ว ความเชื่อมั่นพลันเพิ่มขึ้น เขาก้าวเท้าตรงไปหา เตรียมจะผลักคนทั้งสองลงไปในสระ
“เถียนเหลียง” ไป๋สิงเจี่ยนก้มหน้าพลางเอ่ยเสียงออกมา
“หืม?” องครักษ์พลันหยุดลง เขาเผลอตอบรับ