เหยาจียังคงไม่ยอมจำนน “ลอบข้ามพรมแดนที่ไหนกัน! ข้าเพียงรักในการท่องเที่ยว อยากจะท่องเที่ยวแบบประหยัดเงินไม่ได้เลยหรือ คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าบุรุษคนต้าอิ่นล้วนแต่เป็นพวกเจ้าเล่ห์ ผู้ตรวจการมณฑลอวิ๋นโจวรับรองข้าด้วยอาหารเลิศรส ด้วยรู้ว่าข้าคือเหยาจี จึงใช้ข้าเป็นบันไดปีนขึ้นตำแหน่งสูง ถวายข้าให้กับองค์ชายที่เดินทางผ่านมาที่อวิ๋นโจว เจ้าที่เป็นถึงไท่สื่อ แยกออกหรือไม่ว่าใครกันที่เป็นคนถูกทำร้ายกับคนให้ร้าย?”
ไป๋สิงเจี่ยนคร้านจะเปลืองน้ำลายกับเหยาจีอีก “เถียนเหลียง จับตัวเหยาจี ทำคุณเพื่อลดโทษ”
“คนที่ปลงชีวิตรัชทายาทก็เป็นเจ้านะ ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย ฝ่าบาทไม่ทรงยกโทษให้เจ้าแน่ อย่าฟังเจ้าคนพิการผู้นี้อยู่เลย เขาเพียงใช้แผนหลบหนี” เหยาจีเตรียมหาทางหลบหนี
ทางด้านจิตใจ เถียนเหลียงได้ถูกไป๋สิงเจี่ยนชักจูงกลับมาแล้ว ถึงจุดนี้เขาย่อมไม่คิดเชื่อเหยาจีอีกเป็นแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหยาจีผู้นี้ยังเป็นสตรี สตรีที่หลอกลวงข้าล้วนแต่น่าเคียดแค้น! เมื่อครู่นี้ข้ายังเกือบเสียทีไปยุ่งกับสตรี เพียงคิดขึ้นมาเถียนเหลียงก็รู้สึกรังเกียจ จิตใจถูกทำร้ายอย่างรุนแรง
เหยาจีที่เพิ่งหันหลังวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกเถียนเหลียงตามมาทัน เขาต่อยไปหนึ่งหมัด นางถึงกับสลบเหมือดไปทันที
โต้วเปาเอ๋อร์คุกเข่าอยู่หน้าตำหนักยงหวาได้หนึ่งชั่วยามแล้ว ทว่ากลับไม่มีผู้ใดคิดปลอบใจเขาสักคน…
หยวนสี่ตี้และเฟิ่งจวินล้วนแต่ล้อมอยู่ข้างเตียงของฉืออิ๋ง หมอหลวงมีอยู่กี่คนก็เรียกมาที่นี่ทั้งหมด พวกนางกำนัลที่วิ่งเข้าออกคอยเติมน้ำต้มยาก็ต้องเดินผ่านหน้าตำหนักทั้งสิ้น ทุกคนต้องเดินผ่านโต้วเปาเอ๋อร์
เหยาจีถูกส่งตัวเข้าคุก ส่วนองครักษ์หลวงก็ถูกคุมตัวไว้เพื่อรอสอบสวน ไป๋สิงเจี่ยนมีความชอบให้พักอยู่ในตำหนักยงหวาได้ ทั้งยังส่งหมอหลวงมาช่วยตรวจอาการให้เขา
โต้วเปาเอ๋อร์ขยับหัวเข่าที่ทั้งปวดทั้งเมื่อยไปมา ในใจเขาพลันรู้สึกระทมทุกข์ เดิมทีวันเวลาที่ซีจิงเขาก็พบเจอความยากลำบากไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยต้องทนรับการปฏิบัติเยี่ยงนี้มาก่อน ตอนที่เดินทางผ่านอวิ๋นโจว ในคราแรกที่เจอหน้าเหยาจี เขาไม่รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนเองเลย ทว่ายามนี้เขาเสียใจที่พาเหยาจีกลับวังแล้ว รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นคนที่อันตราย หากบิดามารดาพบเห็นนางเข้า เขาเป็นได้เจ็บตัวแน่ แต่ใจเขากลับคิดแต่ยอมเสี่ยงพานางกลับมาให้ได้เท่านั้น เขาย่อมคิดไม่ถึงว่านางจะใจกล้าอุกอาจเช่นนี้ ยุ่งเกี่ยวกับองครักษ์หลวงไม่พอ ยังถึงขั้นปลงชีวิตรัชทายาท แค่โต้วเปาเอ๋อร์คิดถึงสองเรื่องนี้ก็ไม่อยากทนอยู่ต่อแล้ว
เหยาจีหนอเหยาจี เจ้าเป็นเทพธิดาหรือนางมารกันแน่
โต้วเปาเอ๋อร์คว้าชายกระโปรงของนางกำนัลที่เดินผ่านมาเอาไว้ “ถวนถวนฟื้นหรือยัง? พวกเจ้าพูดกับข้าบ้างได้หรือไม่”
นางกำนัลตกใจกลัว ทว่าเพียงยิ้มโดยไม่คิดเปิดปาก ทั้งยังส่ายหน้าระรัว
โต้วเปาเอ๋อร์ไม่ยอมถอดใจง่ายๆ “ที่เจ้าส่ายหน้าเช่นนี้หมายความว่าถวนถวนไม่ฟื้นหรือไม่อาจพูดกับข้าได้?”
นางกำนัลตกใจจนแทบจะร้องไห้ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมพูดอะไร
โต้วเปาเอ๋อร์พลันรู้สึกถึงกลิ่นอายอันตราย เขาจึงรีบปล่อยมือ คุกเข่าอย่างเรียบร้อย นางกำนัลจึงรีบวิ่งจากไป
เฟิ่งจวินก้าวเท้าออกมาจากในตำหนักพลางจ้องเขม็งมาที่โต้วเปาเอ๋อร์ เขาเดินมาที่เบื้องหน้าโต้วเปาเอ๋อร์ ยกมือขึ้น ลมตีชายแขนเสื้อจนปลิวพลิ้ว
อารมณ์นี้โต้วเปาเอ๋อร์คุ้นเคยอย่างมาก เขาหลับตา รอฝ่ามือที่จะตบลงมา เวลาที่ถูกลงโทษช่างยาวนาน โต้วเปาเอ๋อร์เหมือนปลาที่ถูกปิ้งบนกองไฟ หลับตาทนทุกข์อยู่นาน ทว่าใบหน้าก็ไม่เห็นจะเจ็บเสียที
เฟิ่งจวินพลันตระหนักว่าบุตรชายโตแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตีอีกฝ่ายไม่ลง
“ถวนถวนฟื้นเมื่อไร เจ้าก็ลุกขึ้นได้!” เฟิ่งจวินสะบัดแขนเสื้อจากไป
โปรดติดตามตอนต่อไป…