ความรักคืออะไร ใช่การหลงผิดที่เกิดจากความสับสนหรือไม่ แล้วจะเก็บรักษาได้นานเพียงใด มีแต่หนุ่มๆ สาวๆ ที่พร่ำเพ้อถึงความรักตราบฟ้าดินมลาย อย่างตัวเขาไป๋สิงเจี่ยน คงมีแต่ความโกรธแค้น…ชั่วฟ้าดินสลายแล้ว
เขาเตรียมจะโยน ‘ว่าด้วยเกลือและเหล็ก’ ทิ้งไป รัชทายาทผู้ดื้อรั้นจะอ่านหนังสือเช่นนี้ได้หรือ น่าจะมองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นของเล่นชิ้นหนึ่งเสียมากกว่า ฉับพลันสายตาเขาก็มองเห็นหน้าที่มีการจดขยายความเข้าพอดี มือชะงักหยุดตรงหน้านั้น เขายกหนังสือขึ้นอ่านตัวอักษรตัวเล็กที่อยู่ด้านข้าง…เป็นการตั้งข้อสงสัยและความเห็นเพิ่มเติมจากการวิเคราะห์เรื่องเกลือและเหล็กในหนังสือ แม้บทวิเคราะห์จะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่วิธีคิดนั้นกลับไม่ธรรมดาเลย ดูจากลายมือบรรจงและงดงาม รูปแบบของตัวอักษรมีต้นแบบมาจากเฟิ่งจวิน อาจเห็นความต่างกันอยู่ เพราะเทียบกับลายมือของการบ้านทุกสิบวันแล้ว ตัวอักษรตรงหน้านี้ก็ไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไรนัก
ไป๋สิงเจี่ยนรู้สึกแปลกใจระคนสงสัย จนลืมอาการเจ็บที่ขาไปโดยสิ้นเชิง เนื้อหาและลายมือที่จดขยายความนี้ไม่ใช่เฟิ่งจวินเขียนเอาไว้ และทั้งหมดก็ล้วนพุ่งไปที่เจ้าเด็กหัวดื้อคนนั้น จะเป็นไปได้อย่างไร!
จู่ๆ ก็มีกระดาษใบหนึ่งปลิวออกจากหนังสือแล้วหล่นลงที่พื้น ไป๋สิงเจี่ยนหยุดมองครู่หนึ่ง ก่อนก้มตัวลงไปหยิบขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกเจ็บหัวเข่าขึ้นมาอีก ทว่าสิ่งที่เขียนเล่นในกระดาษกลับทำให้เขาไม่เจ็บในทันใด
กระดาษอย่างดีแผ่นหนึ่งวาดรูปแย่ๆ หยาบๆ ของคนตัวเล็กหลายคนบนนั้น คนตัวโตหน่อยที่มีลายเส้นไม่กี่เส้นถือไม้เท้ายืนอยู่หลังโต๊ะตัวหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แสดงออกด้วยมุมปากที่ย้อยลง ด้านล่างจากโต๊ะมีคนตัวเล็กๆ กลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ วาดด้วยลายเส้นไม่กี่เส้นแทนกลุ่มคน แต่ในจำนวนนั้นมีคนตัวเล็กคนหนึ่งที่วาดลายเส้นโดยใส่รายละเอียดที่เด่นชัดอย่างชัดเจน มีนัยน์ตากลมใหญ่ ปากเล็กมีเสน่ห์ แล้วยังวาดลายที่รองเท้าคู่เล็ก สิ่งที่แสดงตัวตนได้ดีคือบนเสื้อมีบัวลอยลูกกลมๆ วาดไว้ เจ้าคนผู้นี้เพิ่งจะเขียนคำว่า ‘คนเลว’ เสร็จ
ไป๋สิงเจี่ยนไม่เคยเห็นรูปวาดที่เรียบง่ายทว่าหยาบคายเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกขัดตาอย่างมาก วาดภาพไม่เก่งแล้วจะฝืนวาดไปไยกัน สิ้นเปลืองหมึกและกระดาษเสียจริง! เขาทนไม่ไหวจำต้องมองอีกครั้ง แม้แต่บัวลอยยังวาดได้กลมดี แต่กลับวาดอาจารย์แบบขอไปทีสักหน่อย วาดแล้วยังไม่ดีเท่าภาพรองเท้าของนางเลย! แล้วคนเลวที่ว่านี่หมายถึงผู้ใดกัน!
มองไปเห็นที่ด้านข้างของกระดาษเขียนว่าหนึ่ง น่าจะเป็นเลขหน้า ไป๋สิงเจี่ยนจึงพลิกหนังสือ ‘ว่าด้วยเกลือและเหล็ก’ แล้วก็ไปเจอรูปวาดหยาบๆ อีกหนึ่งแผ่น เขียนเลขหน้าสอง เนื้อหากลับแย่หนักกว่าเดิมอีก คนตัวเล็กถือไม้เท้าซึ่งวาดด้วยลายเส้นไม่กี่เส้นกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าสตรีที่ใส่เสื้อลายบัวลอย
บนศีรษะคนตัวเล็กมีวงกลม ในวงกลมมีตัวอักษร ‘ถวายบังคมจักรพรรดินี!’
บนศีรษะของนางก็มีวงกลมเช่นกัน ในวงกลมมีตัวอักษร ‘เหล่าไป๋ เจ้าก็มีวันนี้!’
เส้นที่ขมับของไป๋สิงเจี่ยนเต้นตุบๆ ไม่พูดถึงว่าจากหนึ่งไปสองมีเหตุผลอย่างไร ในเมื่อไม่มีความเชื่อมโยงแล้วจะเรียงหน้าด้วยเหตุใด หรือว่าระหว่างกลางมีเนื้อเรื่องอะไรที่ตกหล่น เส้นที่วาดไม่ค่อยละเอียดก็ช่างเถิด แต่เนื้อเรื่องยังไม่ละเอียดอะไรเลย เห็นได้ชัดว่ากระทำไปตามอารมณ์อันไร้เหตุผล แม้เนื้อหาของหน้าที่หนึ่งจะยังพอมีความเป็นจริงอยู่บ้าง ทว่าเนื้อหาในหน้าที่สองนั้นกลับ…ฝัน! กลางวัน!
พลิกไปก็ไม่เจอหน้าที่สาม ไป๋สิงเจี่ยนจึงเสียบภาพวาดที่ไม่เข้าตาเหล่านี้กลับคืน ก่อนจะโยนหนังสือลงบนโต๊ะ