หาเหตุผลที่บิดาสอนว่าไม่ให้เลือกกินขึ้นมา ทว่าในคำพูดกลับผสมปนเปยกเรื่องแปลกๆ เข้าไปด้วย
ตันชิงเอ่ยในใจว่า…ไม่นะ!…นี่ข้าได้ยินอะไรไป! พลางก้มหน้าพุ้ยข้าวอย่างไม่คิดชีวิต
คุณชายเมิ่งก็ตกตะลึง เพิ่งมาบ้านอาจารย์ได้พักเดียว เกิดเรื่องที่ในนิยายก็ไม่สามารถมาบรรยายได้!
วาจาที่หลุดออกมาโดยไม่คิดของฉืออิ๋งพาให้คนฟังตะลึงงัน ตะเกียบในมือไป๋สิงเจี่ยนค้างไปชั่วครู่ ให้แล้วกันไปเถอะ กับมารร้ายถล่มปฐพีจะถือเป็นจริงจังได้อย่างไร แล้วกินหูหลัวปัวต่อไป
การที่ไป๋สิงเจี่ยนเพียงกินผักอย่างเงียบๆ โดยไม่ปฏิเสธ คล้ายเป็นการยอมรับประโยคเมื่อครู่นี้ของฉืออิ๋งอยู่ในที ตันชิงพลันรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เมิ่งกวงหย่วนได้ยินเสียงหัวใจตนเองแหลกสลาย เหตุใดตนเองถึงได้คร่ำครึ ไม่ชิงเปิดเผยรูปร่างต่อหน้าฉืออิ๋งก่อน!
ฉืออิ๋งพูดออกมาเสียมากมายกลับไม่มีการตอบรับใดๆ นางยังคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “ที่เอวของอาจารย์ก็ไม่มีส่วนเกินเสียหน่อย จะกลัวอะไรกัน เหตุใดท่านถึงไม่กินเนื้อสัตว์เล่า”
ตันชิงและเมิ่งกวงหย่วนตาโต
ขมับไป๋สิงเจี่ยนกระตุกตุบๆ เขาใช้ตะเกียบคีบน่องไก่แล้วเอาเข้าปากกัดไปคำหนึ่ง กินยาก…แต่เขาก็ฝืนกลืนลงคอไป
ในที่สุดฉืออิ๋งก็พอใจได้เสียที นางใช้ตะเกียบคีบน่องไก่เข้าปากแล้วกัดไปหนึ่งคำ ในฉับพลัน “แหวะ เคี้ยวยากชะมัด ตันชิงเจ้าทำอะไรมา!”
ตันชิงใบหน้าแดงก่ำ “กระหม่อมก็ทำเหมือนที่เคยทำยามปกติ คงเป็นที่ตัวไก่ที่เนื้อไม่ดีเองพ่ะย่ะค่ะ”
ฉืออิ๋งไม่เชื่อ “เจ้าหาข้อแก้ตัวเก่งนักนะ มิน่าอาจารย์ถึงได้ไม่กินเนื้อสัตว์ ที่แท้ก็เป็นเพราะเจ้าทำอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ไม่อร่อย” นางหันหน้ากลับไปก็เห็นอาจารย์ผู้ไม่กินเนื้อสัตว์ถึงกับงับน่องไก่จนเกือบหมด นางแตกตื่นในทันที “อาจารย์! ของที่กินยากท่านยังกินเข้าไปได้ ที่แท้ท่านก็กินไม่เลือกนี่!”
เนื้อไก่ที่ไป๋สิงเจี่ยนกินเข้าไปพลันติดคอ เพื่อดูแลร่างกายแล้ว…เขาจะเลือกกินไม่ได้ แม้แต่เนื้อสัตว์ที่เคี้ยวยากยิ่งเขาก็ยังกินเข้าไป…กลายเป็นเขากินไม่เลือก? ไม่ว่าเรื่องใดที่พูดออกจากปากนางล้วนแต่กลับไปกลับมาได้เสมอ ไป๋สิงเจี่ยนโกรธจนเนื้อไก่ที่กินเข้าไปติดคอ ทั้งที่มันเคี้ยวยากเพียงนี้ เหตุใดข้ายังต้องกินมันด้วยเล่า
ฉืออิ๋งไม่รู้ว่าตนเองเผลอทำให้เนื้อไก่ไปติดคอไป๋สิงเจี่ยนเข้าแล้ว หลังจากนางติเนื้อไก่ว่าไม่อร่อยแล้ว คำเดียวก็ไม่ยอมกินอีก เพียงกินแต่แป้งม้วนไส้อิงเถา ทั้งยังเลือกกัดเฉพาะส่วนที่มีอิงเถาเท่านั้น
ไป๋สิงเจี่ยนเห็นวิธีการกินของฉืออิ๋งแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ คนเลือกกินเช่นนี้ยังมีหน้าไปสั่งสอนคนอื่นไม่ให้เลือกกินได้หน้าตาเฉยอีกหรือ เหตุใดเขาต้องมาถูกบังคับให้กินด้วย
อาหารมื้อนี้กินอย่างไม่ราบรื่นนัก ยังไม่ทันจะกินเสร็จ นอกบ้านก็มีเสียงกลองดังขึ้นอย่างกระชั้นเพื่อปิดประตูเขตฟาง
ฉืออิ๋งเงยใบหน้าที่มีเศษอิงเถาติดข้างแก้มขึ้นมองด้วยความสงสัยอย่างมาก “เสียงอะไรกัน”
ตันชิงวางตะเกียบลงแล้วลุกขึ้น “กระหม่อมไปดูเอง”
ไม่ถูกต้อง ไป๋สิงเจี่ยนนึกในใจ ประตูเขตฟางปิดก่อนเวลาเช่นนี้ ฉืออิ๋งก็จะกลับไปไม่ได้ การหายตัวไปของรัชทายาทต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายภายในวังแน่นอน กับไป๋สิงเจี่ยนแล้วเดิมทีไม่ถือเป็นปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้จะเป็นปัญหากับเขาเพราะมีฉืออิ๋งมาค้างคืนด้วย แค่มาเยี่ยมนางก็เด็ดอิงเถาไปแล้วครึ่งต้นและขุดหูหลัวปัวไปแล้วครึ่งแปลง แค่ชั่วระยะเวลาไม่นานก็ทำให้บ้านเขาวุ่นวายไปหมด หากค้างคืนล่ะก็…
ตันชิงกลับมาพร้อมกับข่าวร้าย “ประตูเขตฟางปิดแล้ว แจ้งว่ามีสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของผู้สูงศักดิ์หายไป ต้องออกค้นหาทุกบ้าน”
เมิ่งกวงหย่วนเอ่ยถาม “ผู้สูงศักดิ์คนใดกัน สัตว์เลี้ยงตัวโปรดคือตัวอะไร เหตุใดต้องจริงจังถึงเพียงนี้ด้วย”
ตันชิงเอ่ยขึ้นว่า “ได้ยินว่าผู้สูงศักดิ์ที่ว่าเป็นที่เคารพยิ่ง ส่วนสัตว์เลี้ยงตัวโปรด…”
ตันชิงหันหน้ามองไปบนโต๊ะ ทุกคนพลันหันมองตาม สายตาทั้งหมดรวมอยู่ที่เดียวกัน…อาหารที่ถูกหมางเมิน
ตันชิงเอ่ยถึงความเป็นจริงที่ทุกคนสงสัย “วันนี้มีการแข่งชนไก่ครั้งสำคัญ มีเจ้าไก่ชนตัวหนึ่งชื่อ ‘อูอวิ๋นไก้เสวี่ย (เมฆดำบังหิมะ)’ หนีหายไปจากสนามแข่ง แล้วก็ไม่เห็นมันกลับมาอีก อีกทั้งยังไม่เห็นร่องรอย…”
ฉืออิ๋งมองไปยังอาหารที่ถูกหมางเมิน พลันโพล่งขึ้นมา “มิน่าเล่า ถึงได้กินยากกินเย็นถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็มิใช่ไก่เนื้อนี่เอง ช่างน่าเสียดายนัก ไก่ดีๆ ตัวหนึ่ง เหตุใดถึงกลายเป็นเจ้าไก่ชนไปเสียได้”
โปรดติดตามตอนต่อไป…