ทั้งสองคนออกจากสำนักศึกษาเจาเหวิน ออกจากประตูวัง และเช่ารถม้าคันหนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนไปตามเส้นทางคดๆ เคี้ยวๆ กระทั่งไปถึงตรอกฉางเซิง
ฉืออิ๋งไม่ค่อยได้ไปเยือนในเขตที่พักของราษฎรเท่าไรนัก นางนั่งเกาะขอบหน้าต่างรถมองซ้ายแลขวา นางรู้สึกแปลกใจกับชีวิตของราษฎร ไม่รู้ว่าสตรีบ้านคนธรรมดาต้องเรียนหนังสือกันกี่ปี
หลังจักรพรรดินีขึ้นปกครองอาณาจักรต้าอิ่น ราษฎรที่มีบุตรสาวสามารถรับเหล้าสองไห หมูหนึ่งตัว และสุนัขหนึ่งตัวจากทางการ มีบุตรชายจะไม่ได้รับอะไร เนื่องจากแผ่นดินนี้ให้การยอมรับบุตรสาว จึงส่งผลให้ฐานะของสตรีทั่วอาณาจักรได้ประโยชน์มากขึ้น ที่ตามมาคือการเพิ่มการศึกษาให้กับสตรี สตรีสามารถแยกเรือนอยู่เองได้ เป็นเจ้าบ้านเองได้ จะขาดก็คือความก้าวหน้าในการรับราชการเป็นขุนนาง ถึงอย่างนั้นประเด็นหลังก็เป็นแค่เรื่องช้าเร็วเท่านั้น
รถม้าคันใหญ่ที่เมิ่งกวงหย่วนจ้างมาเข้าตรอกไม่ได้ ทั้งสองจึงลงจากรถและหยุดยืนอยู่ตรงปากตรอก บนถนนมีเสียงดังจอแจ บรรยากาศของตลาดเผยอยู่ตรงหน้า ฉืออิ๋งไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดี ในใจนางยามนี้เปี่ยมด้วยความแปลกใหม่ มิต่างจากนกน้อยที่ถูกปล่อยจากกรง ได้ดื่มด่ำกับอิสระ นางไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางเดินอ้อมสุนัขข้างทางตัวหนึ่งอยู่หลายรอบ แล้วย่อตัวลงที่หน้าหาบขายน้ำหวานพลางยกฝาขึ้นมองดูข้างใน
“คุณหนูคงกระหายน้ำ จะรับสักชามหรือไม่” คนขายเห็นเสื้อผ้าที่ฉืออิ๋งใส่เป็นผ้าชั้นดี ใบหน้าขาวผ่อง งดงามกว่าชาวบ้านทั่วไป เพียงแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลชั้นสูง ย่อมไม่เคยกินของชาวบ้านมาก่อน ครานี้เขาจะต้องขายได้เงินมากแน่
“รสชาติดีหรือไม่” ฉืออิ๋งหยิบทัพพีคนน้ำหวานในหม้อ
“รสชาติดีแน่นอน! เพราะร้านข้าใช้น้ำแร่จากเขาซีซานมาต้ม ไม่มีสาขาอื่นอยู่ในเมืองหลวง มีขายเฉพาะที่นี่ คุณหนูไม่ควรพลาดเป็นอันขาด หนึ่งชามแค่เงินหนึ่งก้วน เท่านั้น!” คนขายจ้อง ‘แพะน้อยตัวอ้วน’ ด้วยแววตาเป็นประกาย
แพะน้อยตัวอ้วนฉืออิ๋งเลียที่มุมปาก นางใช้นิ้วมือนับเลข “หนึ่งก้วนเท่ากับหนึ่งพันอีแปะ เงินจำนวนนี้สามารถซื้อพ่อหมูได้หนึ่งตัว หรือซื้อหนังสือ ‘รวมบทกวีเฟิ่งจวิน’ ที่แพร่หลายได้หนึ่งเล่ม แล้วยังซื้อดอกโบตั๋นที่มีชื่อเสียงของลั่วหยางหนึ่งดอก เพียงพอที่จะซื้อโลงศพได้หนึ่งโลง ลำพังแค่แอบขึ้นไปบนเขตหวงห้ามบนเขาซีซานก็ต้องรับโทษถูกโบยจนเข็ดหลาบไปอีกนาน”
สองตาของคนขายสิ้นประกายไปทันใด สองขาอ่อนยวบ เกือบจะคุกเข่าลงต่อหน้าแพะน้อยตัวอ้วนแล้ว “ไม่ๆๆ! นี่เป็นความเข้าใจผิด ข้านำน้ำมาจากในบ่อ น้ำไหลมาจากซีซาน น้ำหวานชามละสองอีแปะเท่านั้น แต่เห็นว่าชะตาต้องกันกับคุณหนู ข้าขอยกให้คุณหนูหนึ่งชาม เมื่อครู่นี้เป็นเพียงการพูดเล่น…”
ฉืออิ๋งยกน้ำหวานขึ้นดื่มรวดเดียวไปครึ่งชาม “ยังพอได้ แต่ว่าหวานไปหน่อย”
คนขายน้ำหวานถูกตำหนิว่าน้ำหวานที่ขายหวานเกินไปเสียได้ แต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยโต้แย้ง ด้วยรู้สึกว่าวันนี้มาเจอกับผีตนหนึ่ง เจ้าหนูน้อยนี่เป็นผีอะไรกันแน่
เรื่องทั้งหมดทำให้เมิ่งกวงหย่วนตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก จู่ๆ เขาก็ถูกฉืออิ๋งสะกิดเอว บอกให้เขาหยิบเงินส่งไปให้
ฉืออิ๋งรับเงินจากเมิ่งกวงหย่วนมาสองอีแปะ นางวางไว้บนหาบ แล้วใช้ฝ่ามือทับเงินเอาไว้ “ท่านอา ในตรอกฉางเซิงมีคนแซ่ไป๋หรือไม่”
คนขายน้ำหวานปรายตามองไปยังมือเล็กๆ ของฉืออิ๋ง “มีขุนนางยากจนที่แซ่ไป๋อยู่คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าใช่คนที่คุณหนูพูดถึงหรือไม่”
“ยากจนเพียงใด”
“คนขายผักต่างไม่ค่อยอยากไปขายที่บ้านนั้นหรอก ปีทั้งปีไม่ซื้อเนื้อกิน ได้ยินแค่ว่าเป็นขุนนาง แต่ไม่รู้ว่าเป็นขุนนางอะไร ไม่รู้เหตุใดถึงได้จนขนาดนี้ อยู่ได้แค่ตรอกฉางเซิงเท่านั้น”