“องค์หญิง ไท่สื่อเพิ่งจะกินยาไป ตอนนี้ยากำลังออกฤทธิ์ เพิ่งล้มตัวลงนอนได้ไม่นาน องค์หญิงเสด็จมาเยี่ยมวันอื่นดีหรือไม่” ตันชิงคิดดึงเวลาออกไป
“ข้าจะอยู่ในบ้านนี้ล่ะ รอจนกว่าอาจารย์จะตื่น” ฉืออิ๋งเดินไปที่แปลงผัก จ้องมองไปที่ต้นอิงเถา ต้นเล็ก
ตันชิงรู้สึกผิดที่ตนเองเปิดประตูเมื่อครู่นี้ ข้าถึงกับปล่อยให้ดาวหายนะมาเยือนถึงบ้าน จะทำเช่นไรดี ในบ้านไม่มีอาหารรสชาติดีสักอย่าง อิงเถาต้นนี้ก็เป็นต้นที่ไท่สื่อใส่ใจดูแลด้วยตนเอง อิงเถาสักลูกก็ยังไม่ยอมกินเลย ตอนนี้กลับไปเข้าตาองค์หญิงเข้าเสียได้ ตันชิงเบือนหน้าไปทางอื่น ทำเป็นมองไม่เห็นเสีย
ฉืออิ๋งรออยู่นาน ไม่เห็นตันชิงออกมาเสียที นางได้แต่กลืนน้ำลายลงไป ยอมปล่อยอิงเถาไปชั่วคราว แล้วถอยมาหาอย่างอื่นแทน นางย่อตัวลงที่ข้างแปลงผัก ก่อนจะถอนหูหลัวปัวอันเรียวเล็กซึ่งยังโตไม่เต็มที่ขึ้นมา
ตันชิงค่อยผ่อนคลายลงบ้าง เขาไปตักน้ำจากในบ่อมาให้ฉืออิ๋งล้างหูหลัวปัว เมิ่งกวงหย่วนก็ไปย้ายเก้าอี้มาไว้ที่ลานบ้านให้นางได้นั่งพัก
ฉืออิ๋งนั่งบนเก้าอี้ของไป๋สิงเจี่ยน นางยกขาขึ้นมาไขว้พลางงับหูหลัวปัว รอให้ไป๋สิงเจี่ยนตื่นจากนอนกลางวัน ผลก็คือเวลาที่รอนั้นนานเกินไปสักหน่อย ไป๋สิงเจี่ยนยังไม่ทันตื่น นางก็เอนร่างนอนไปบนเก้าอี้แล้ว…
ไป๋สิงเจี่ยนตื่นขึ้นมา แต่ด้วยฤทธิ์ยาจึงทำให้เขามึนงงอยู่บ้าง พอยันเตียงลุกขึ้นมาได้ก็คว้าไม้เท้ามาทันที เขาสวมเสื้อคลุมก่อนวางเท้าลงที่พื้นโดยไม่ได้เอ่ยเรียกให้ตันชิงมาช่วย เนื่องจากเขาตั้งใจว่าจะเดินออกไปสูดอากาศด้วยตนเอง
พอเปิดประตูห้อง ไป๋สิงเจี่ยนก็คิดว่าตนเองนอนนานเกินไปจนเกิดภาพลวงตา เขาจึงหลับตาแล้วเปิดตาขึ้นมาใหม่ ลายปักที่รองเท้าช่างละเอียดยิ่งนัก ล่าสุดที่เขาเห็นลายปักนี้ก็คือจากในภาพวาดแย่ๆ หยาบๆ ภาพหนึ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่ภาพลวงตาจะเหมือนจริงได้ถึงเพียงนี้
ไป๋สิงเจี่ยนเดินออกมาจากประตู เขาค่อยๆ ก้าวเดินตรงไปที่ ‘ภาพลวงตา’ ตรงหน้า ยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ก็เห็นมีกองรากหูหลัวปัวกระจายอยู่บนพื้นรอบๆ เก้าอี้ที่นางนอน และยังมีหูหลัวปัวที่กินเหลืออีกครึ่งหนึ่ง เขายกไม้เท้าขึ้นเคาะไปยังขาที่ไขว้กันอย่างไม่หนักไม่เบาเกินไป
ฉืออิ๋งฝันไปว่าถูกคนร้ายโจมตี นางพลันสะดุ้งตื่นขึ้น “คนเลว!”
ลืมตาขึ้นมาฉืออิ๋งก็เห็นไป๋สิงเจี่ยนในชุดอยู่บ้านยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ใบหน้าเขายังคงเงียบขรึมเย็นชาดังเดิม นางที่เพิ่งตื่นยังคงตระหนกจากฝันร้าย และที่น่ากลัวยิ่งกว่าฝันร้ายก็คือตื่นจากฝันร้ายแล้วมาเจอฝันร้ายอีกครั้งหนึ่ง
“ช่วยข้าด้วย!” ฉืออิ๋งกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งหนีเอาชีวิตรอด
ไป๋สิงเจี่ยนเดินขึ้นมาข้างหน้าสองก้าว ก่อนจะหมุนตัวนั่งลงบนที่นั่งของตนเอง เขาจัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย มือถือไม้เท้า ใบหน้ามองไปที่ฉืออิ๋งที่เผ่นไปไกลหลายจั้งโดยไม่แสดงความรู้สึกอะไร
ฉืออิ๋งวิ่งหนีกระทั่งตื่นเต็มตา แล้วก็สงสัยว่าที่แท้ตนเองกำลังหนีอะไรกัน ไม่ใช่หัวหน้าสำนักหลันไถที่ใบหน้าเย็นเยียบเป็นน้ำแข็งหรอกหรือ! เขามีอะไรให้ต้องกลัว! ตอนที่เห็นเขาในฝัน นางก็เอาแต่หนีเขาตลอด โดยไม่รู้ว่าเหตุใดถึงต้องเป็นเช่นนั้น ที่ผ่านมาแล้วอยู่แค่ในฝันร้าย แต่ที่เห็นในตอนนี้ไม่ใช่ความฝันเสียหน่อย ในความเป็นจริงนางไม่ได้กลัวเขานี่!
ฉืออิ๋งปรับสีหน้าให้ดูนิ่งขึ้น ก่อนจะหมุนตัวกลับไปอย่างไม่รีบร้อน พร้อมลากมือของเมิ่งกวงหย่วนที่ยืนงงอยู่ เอ่ยอย่างจริงจัง “ได้ยินว่าอาจารย์ล้มป่วย เสี่ยวเมิ่งยืนยันว่าต้องมาเยี่ยมอาจารย์ให้ได้ ยังบอกว่าต้องมาส่งการบ้านที่บ้านอาจารย์ด้วยตนเอง”
เมิ่งกวงหย่วนแทบหลั่งน้ำตา เหตุใดจึงไม่บอกเรื่องมาส่งการบ้านกันก่อน ข้ายังไม่ได้เขียนเลย ไม่ใช่ว่าอาจารย์ป่วยแล้ว ทุกคนไม่ต้องส่งการบ้านหรอกหรือ!