ทั้งสองต่างถูกอีกฝ่ายทำให้รู้สึกเกือบขาดใจตายไป ต่างรีบแยกตัวออกจากกันโดยไม่รอช้า ฉืออิ๋งลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดห่างออกไปหลายก้าว
ใบหน้าของไป๋สิงเจี่ยนแดงระเรื่อ รอจนลมพัดพากลิ่นหอมที่อยู่รอบตัวจางลงแล้ว เขาจึงค่อยสูดลมหายใจได้อย่างวางใจ ทว่ากลิ่นหอมที่ยังติดอยู่ที่เสื้อผ้าเหมือนจะยังไม่จางหาย ลมหายใจจึงเริ่มติดขัดขึ้นมาอีกครั้งทำให้เขายากจะทานทน
ไป๋สิงเจี่ยนถือไม้เท้าแล้วลุกจากที่นั่ง เขาก้าวข้ามกองหูหลัวปัวครึ่งชิ้นบนพื้น เดินอ้อมตัวฉืออิ๋งกลับเข้าห้องไป
ฉืออิ๋งลูบไปที่หน้าอก ครางเสียงออกมายาวๆ “กลิ่นยาทำข้าเกือบตายแล้ว”
เมิ่งกวงหย่วนตัวสั่นเทา “องค์หญิงไม่เป็นไรนะพ่ะย่ะค่ะ อาจารย์ทรงถูกท่านชนจนเจ็บตัวหรือเปล่า ดูเหมือนจะโกรธมากทีเดียว”
“คนขี้ใจน้อย!” ฉืออิ๋งยกแขนเสื้อขึ้นมาสูดดม “กลิ่นหอมของข้ายังต้านกลิ่นยานี้ไม่อยู่เลย น่าหงุดหงิดเสียจริง แล้วก็ไม่มีเสื้อผ้าให้ข้าเปลี่ยนด้วย!”
“เช่นนั้นเสด็จกลับกันดีหรือไม่” เมิ่งกวงหย่วนมีลางสังหรณ์ว่าหากยิ่งอยู่นานไป โอกาสที่ฉืออิ๋งจะก่อเรื่องก็จะยิ่งมีมากขึ้น ลึกๆ แล้วเขาก็รู้ว่าตนเองมิอาจร่วมแบกรับผลที่ฉืออิ๋งจะก่อได้
ฉืออิ๋งก้มตัวลงหยิบสมุดการบ้านที่หล่นลงพื้นขึ้นมา “เรื่องของข้ายังไม่เรียบร้อย เจ้าอยากกลับก็กลับไปเลย”
“องค์หญิงจะทรงทำอะไรหรือ”
“บอกไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ หากเจ้ายังไม่กลับก็ไปแจ้งบ่าวของอาจารย์ ให้เขาเตรียมอาหารเย็นให้ด้วย หากอาจารย์ไม่ยอมให้ข้ากินอาหารเย็นด้วย พวกเราก็พักค้างที่บ้านเขาเลย ทำให้เขาโกรธจนตาย”
ฉืออิ๋งกอดสมุดการบ้านพลางจามออกมาครั้งหนึ่ง นางสะบัดแขนเสื้อด้วยสีหน้ารังเกียจ คิดจะเอากลิ่นยาที่ติดตัวออกจากเสื้อผ้าไปให้หมด พูดงึมงำกับตนเองพลางเดินตามไป๋สิงเจี่ยนเข้าไปในบ้าน
เมิ่งกวงหย่วนลอบหลั่งน้ำตาในใจ องค์หญิงคงไม่ได้ทำเรื่องดีแน่
ฉืออิ๋งเดินเข้ามาในบ้าน นางเหลียวซ้ายแลขวาก็เห็นว่าภายในบ้านนี้จัดวางสิ่งของเอาไว้อย่างเรียบง่าย ของประดับสักชิ้นก็ไม่มี กระทั่งโต๊ะกับเก้าอี้ก็มีอยู่น้อย สมกับชื่อของเขา ‘สิงเจี่ยน’ เดินผ่านโถงหน้ามาแล้วก็เป็นห้องด้านในซึ่งมีบานประตูกั้นอยู่ ไป๋สิงเจี่ยนคงโมโหอยู่ข้างในห้องนั้นเป็นแน่ เพียงฉืออิ๋งนึกถึงยามที่เขาไม่สบายใจ นางก็เบิกบานใจขึ้นมาทันที
ฉืออิ๋งลองยกมือแตะประตู ก่อนจะผลักออกเป็นช่องเล็กๆ อย่างเงียบเชียบ มุดศีรษะเข้าไป พลางเพ่งมองไปข้างหน้า ภายในห้องมีแสงสลัว รอจนตาปรับภาพได้ชัดแล้ว นางก็นิ่งค้างไป
บุรุษผู้หนึ่งนั่งหันหลังให้ประตู ปลดเสื้อผ้าลงมาถึงเอว เปลือยให้เห็นช่วงเอว แผ่นหลัง และสองบ่า เผยให้เห็นรูปร่างที่สมส่วนกำยำ เมื่อมองให้ละเอียดถึงค่อยพบว่าทั้งแผ่นหลังมีผื่นแดงขึ้นเป็นแถบทีเดียว
เมื่อฉืออิ๋งสรุปในใจได้ว่าบุรุษที่เปลือยร่างท่อนบนผู้นี้หาใช่ใครอื่น แต่เป็นอาจารย์ของนางเอง ทั้งตัวก็ให้รู้สึกไม่สบายทันที สมุดการบ้านพลันหล่นตุบลงบนพื้น