เมิ่งกวงหย่วนประคองฉืออิ๋งลุกขึ้น คล้ายว่าเพียงเคลื่อนตัวนาง นางก็จะอาเจียนออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ฉืออิ๋งฝืนกลั้นไม่ให้ตนเองอาเจียนออกมาอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นนางเป็นได้ถูกไป๋สิงเจี่ยนใช้ไม้เท้าตีตายประเดี๋ยวนั้นแน่
เพื่อให้ฉืออิ๋งได้นำแป้งม้วนไส้อิงเถาที่เป็นความปรารถนาอย่างหนึ่งออกเดินทางไป…ไม่ถูกสิ…กลับวัง ตันชิงจึงเร่งความเร็วสูงสุดในการนวดแป้งย่างแป้งม้วน งานต้องให้เสร็จก่อนเวลาที่ประตูวังจะปิด ไป๋สิงเจี่ยนเด็ดลูกอิงเถามามากพอที่จะทำแป้งม้วนไส้อิงเถาได้หนึ่งกระจาด แม้แต่อิงเถาลูกเดียวตันชิงก็ไม่กล้ากิน เขานำมาใช้ทำขนมจนหมด
ฉืออิ๋งเดินเล่นเพื่อย่อยอิงเถาในท้องไปพลางรอแป้งม้วนไส้อิงเถาไปพลาง ชั่วขณะนั้นนางก็เห็นไก่ตัวใหญ่เนื้อแน่นที่ดูเปี่ยมไปด้วยเลือดนักสู้ยืนอยู่บนกำแพง
ในเมื่อมันส่งตัวมาถึงประตูบ้านทั้งที เช่นนั้นก็เพิ่มรายการอาหารเสียเลยสิ ช่วยเพิ่มเนื้อสัตว์ให้กับจานผักของอาจารย์ด้วย อาจารย์จะได้มีเนื้อกินเขากับเสียที
“เสี่ยวเมิ่ง เจ้าไปจับไก่เนื้อตัวนั้นมา”
แน่นอนในเวลานั้นพวกเขาย่อมไม่รู้ว่าไก่ตัวนี้มีที่มาที่ไม่ธรรมดา และยิ่งไม่ใช่ ‘ไก่เนื้อ’ อย่างที่เข้าใจด้วย
แป้งม้วนไส้อิงเถากับไก่นึ่งอิงเถาถูกยกขึ้นบนโต๊ะ
ไป๋สิงเจี่ยนที่เพิ่งออกมาจากห้องนอนก็พบกับความประหลาดใจ “อาหารพวกนี้มาจากที่ใดกัน”
ฉืออิ๋งพูดเอาหน้า “ข้าจับไก่มาเพิ่มในรายการอาหาร!”
“ทรงจับมาจากที่ใดกัน” ไป๋สิงเจี่ยนยิ่งรู้สึกสงสัย
“บนกำแพง นับว่าเป็นลาภปากที่ส่งมาถึงที่เชียวนะ” ฉืออิ๋งกัดแป้งม้วนไส้อิงเถาคำหนึ่ง “ตันชิงทำได้อร่อยมาก!”
ดูไปแล้วคงเป็นไก่ของบ้านใครสักคนที่บินมาหยุดบนกำแพง แต่ดันมาผิดที่ เผลอไปตกอยู่ในสายตาของฉืออิ๋งเข้าจนมีจุดจบที่น่าสงสาร เจ้าหนูน้อยที่ไร้กฎระเบียบ ไม่มีสักวันที่จะไม่ก่อเรื่องเลย
เมิ่งกวงหย่วนที่ช่วยฉืออิ๋งจับไก่ตัวนี้ไม่ได้รู้สึกสงบใจเหมือนกับฉืออิ๋ง เขานั่งตัวลีบ รอไป๋สิงเจี่ยนนั่งลงแล้วจึงค่อยกล้าหยิบตะเกียบขึ้นมา ตันชิงที่ช่วยฉืออิ๋งนึ่งไก่ก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก อย่างไรเสียหากไม่มีเขาทำในขั้นตอนสุดท้าย เจ้าไก่โชคร้ายตัวนี้ก็คงไม่กลายเป็นอาหารบนโต๊ะเช่นนี้ นี่ล้วนเป็นเพราะองค์หญิงพูดจาล่อหลอก คล้ายว่าหากเขาไม่ฆ่าไก่ตัวนี้ก็จะต้องผิดต่อนางอย่างมาก เขาถูกคะยั้นคะยอว่านี่จะเป็นการเพิ่มอาหารให้อาจารย์ แต่ที่แท้เป็นการเพิ่มลาภปากให้กับตัวนางเองต่างหากเล่า
มาถึงขั้นนี้แล้ว ไป๋สิงเจี่ยนจึงไม่คิดเปลืองเรี่ยวแรงไปสั่งสอนอีก
ฉืออิ๋งนั่งข้างๆ ที่นั่งประจำของไป๋สิงเจี่ยน มือยกแป้งม้วนกินอย่างลืมตัว
ไป๋สิงเจี่ยนกินแต่ส่วนที่เป็นผักของตน ซึ่งมีหูหลัวปัวที่ถูกฉืออิ๋งทำลายจนเหลือเพียงไม่กี่หัว กับผักกาดขาวที่เหลือรอดมาเพราะกินสดๆ ไม่ได้
ขณะที่ไป๋สิงเจี่ยนก้มหน้ากินอย่างช้าๆ จู่ๆ ก็มีน่องไก่อันหนึ่งวางลงในชามของเขา เขาเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก
ฉืออิ๋งถือตะเกียบด้วยความภาคภูมิใจ “อาจารย์ชิมไก่ที่ข้าจับมาสิ!”
จับไก่มาได้ก็กลายเป็นผลงานของนาง
ตันชิงรีบก้มหน้ากินข้าวในชามตนเอง เมิ่งกวงหย่วนก็เอาแป้งม้วนบังหน้าเอาไว้
ตะเกียบของไป๋สิงเจี่ยนไม่แม้แต่จะแตะน่องไก่ “ข้าไม่กินเนื้อสัตว์”
“หา?” ฉืออิ๋งนิ่งอึ้งไป เพราะมีมารดาเป็นยอดนักกิน นางย่อมไม่รู้ว่าจะมีคนทั่วไปที่ไม่กินเนื้อสัตว์อยู่ด้วย ที่รู้มาก็น่าจะมีแค่ผู้ออกบวช “อาจารย์ ท่านจะเลือกกินไม่ได้ กินเนื้อสัตว์แล้วร่างกายถึงจะแข็งแรง แม้ว่าตอนท่านถอดเสื้อรูปร่างจะดูดี แต่ไม่ใช่ว่าท่านจะดูแลรูปร่างโดยที่ไม่กินเนื้อสัตว์”