บทที่ 8
ไป๋สิงเจี่ยนถามถึงหลักฐาน “จะยืนยันตัวไก่ได้อย่างไร”
ตันชิงบอกเล่าถึงสิ่งที่ได้ฟังมา “เจ้าไก่ชนตัวนี้ขนทั้งตัวเขียวบริสุทธิ์ดั่งสีมรกต มีความมันเงาอย่างผ้าต่วน บนหลังมีขนอ่อนแซมด้วยสีขาวจนเห็นเป็นนอกสีดำในสีขาว ส่วนท้ายมีขนหางยาวสี่เส้นสีดำขาวสลับกัน แล้วยังมีปีกสองข้างสีขาว เหมือนไก่ตัวที่องค์หญิงทรงจับมาทุกประการพ่ะย่ะค่ะ”
ฉืออิ๋งรีบเอ่ยแก้ว่า “เป็นเสี่ยวเมิ่งจับมา”
“…” เสี่ยวเมิ่งผู้น่าสงสารพูดอะไรไม่ออก
ทั้งสี่คนจ้องไปที่ ‘อูอวิ๋นไก้เสวี่ย’ ที่ถูกถอนขนเรียบร้อยในจานอาหาร พร้อมกับนึกภาพตอนที่มันเป็นนักสู้ในสนามแข่งและเป็นที่ยกย่องโดยทั่วกัน…
ตอนนี้กลับกลายเป็นเนื้อไก่ที่อยู่ในจานซึ่งไม่มีใครอยากพูดถึง
ไป๋สิงเจี่ยนผ่านเรื่องราวในแวดวงขุนนางมาแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไร เขาจึงพูดแจกแจงสิ่งที่ต้องทำออกมาได้ในทันที “นำขนไก่ที่มีทั้งหมดและเนื้อไก่ในจานนี้ไปฝังรวมกันที่ใต้ต้นอิงเถา เลือดไก่ในห้องครัวใช้น้ำล้างให้สะอาด รอยขาไก่บนกำแพงใช้ฝุ่นโรยปิดไปด้วย เมื่อมีคนเคาะประตูให้ถามฐานะของผู้มาเสียก่อน แจ้งเขาไปว่าที่นี่เป็นบ้านของหัวหน้าสำนักหลันไถ ห้ามเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต หากต้องการค้นบ้านจริงๆ ต้องแสดงป้ายคำสั่งของจวนว่าการเมือง”
ฉืออิ๋งตกตะลึงกับสิ่งที่เขาจัดแจงออกมารวดเดียว “ต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ก็บอกไปว่ารัชทายาทกินเจ้าไก่ชนตัวนั้นไปสิ หรือต้องให้ข้าชดใช้ด้วยเงิน”
“ในเมื่อยังไม่ทราบฐานะที่แท้จริงของอีกฝ่าย ไยต้องเปิดเผยพระองค์เองด้วยเล่า” ไป๋สิงเจี่ยนจัดการเรื่องอย่างรัดกุมและระมัดระวัง ที่ผ่านมาเขาไม่เคยทิ้งเงื่อนงำใดๆ ตอนนี้ถูกฉืออิ๋งโยนภาระให้ จึงได้แต่ต้องรับมือไปแบบนี้
“จะมีฐานะสูงส่งสักแค่ไหนกันเชียว” ฉืออิ๋งไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่
“สามารถสั่งปิดประตูเขตฟางได้ ขนาดเจ้าเมืองยังทำไม่ได้ แล้วนี่ยังเพื่อไก่ตัวเดียวเท่านั้น” ไป๋สิงเจี่ยนคิดอ่านล้ำลึก ฉับพลันก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา “เกรงว่าผู้สูงศักดิ์ผู้นี้จะไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ารัชทายาท”
ฉืออิ๋งตระหนกขึ้นมา “ใครกัน”
ไป๋สิงเจี่ยนพอใจที่เห็นนางกระวนกระวายใจได้เสียที “ทรงคาดเดาดูพ่ะย่ะค่ะ”
ตันชิงกับเมิ่งกวงหย่วนทำตามที่ไป๋สิงเจี่ยนกำชับมา พวกเขารีบเร่งจัดการกับสถานที่เกิดเหตุและทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้ง ฉืออิ๋งย่อมไม่ได้ร่วมด้วย นางเพียงถือแป้งม้วนไส้อิงเถาชิ้นหนึ่งเดินกินไปพลางคอยชี้โน่นชี้นี่เพื่อชี้แนะการทำลายหลักฐานให้ทั้งสองคน
ไป๋สิงเจี่ยนอยู่ภายใต้แสงตะเกียงในบ้าน เขาพลิกอ่านการบ้านที่ฉืออิ๋งยืนยันจะยัดเยียดมาให้ได้ ชั่วขณะนั้นก็ต้องรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา นี่ไม่ใช่ที่เฟิ่งจวินทรงเขียนแทนแน่ แม้ว่าเฟิ่งจวินจะทรงเลียนแบบลายมือขององค์หญิงได้อย่างชำนาญแล้ว แต่บทความนี้เขียนเดินเรื่องได้ไม่ช้าไม่เร็ว ไม่ดูคล้ายกับที่เฟิ่งจวินผู้ร้ายกาจทรงเคยเรียบเรียง หากไม่ใช่ไป๋สิงเจี่ยนเคยเห็นแนวการเขียนบันทึกของฉืออิ๋งที่ห้องหนังสือควบห้องของเล่นนั่นมาแล้ว เกรงว่าเขาคงสงสัยว่านี่จะเป็นการบ้านที่เฟิ่งจวินเขียนแทนเหมือนเดิม เพียงแต่ฉืออิ๋งคัดลอกใหม่