ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 21 – หน้า 9 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 21

ก่อนหน้านี้นางมักจะส่งบิดาเดินทางออกจากบ้านบ่อยครั้งเช่นกัน

ช่วงเวลาแห่งการแยกจากนั้นเป็นเรื่องปกติมาก แต่หลังจากนั้นนางจึงตระหนักได้ถึงความแตกต่าง

ลู่อู๋โยวกับฮวาเว่ยหลิงทยอยกันจากไป ในจวนว่างลง ข้างกายก็ไม่มีสาวใช้ให้พูดคุยด้วยจึงเงียบสงบเป็นพิเศษ เฮ่อหลันฉือฝึกฝนร่างกาย ฝึกยิงธนู อ่านหนังสือ เขียนอักษร ฝึกเย็บปัก…

ไม่มีอะไรแตกต่างจากปกติ

แต่ไม่มีใครจะยกของว่างเดินมาพูดอย่างสบายอารมณ์กับนางในเวลานี้ว่า คุณหนูเฮ่อหลัน ท่าทางของเจ้าเมื่อครู่ยังไม่ถูกต้องเล็กน้อย ยกแขนขึ้นอีกนิด’

หรือว่า ถ้าเจ้ารู้จักข้าเร็วสักนิด ไม่แน่ว่าข้ายังสามารถสอน…อ้อ พวกเรารู้จักกันเร็วมากจริงๆ’

และไม่มีใครที่ปากพูดหยอกเย้านางไม่หยุด จับผมนางเล่น ลูบแก้มของนาง จุมพิตนางพลางพูดจาเหลวไหลบางอย่างข้างหูนางในสถานที่ที่ไม่เหมาะไม่ควร

ตอนกินอาหารไม่มีคนคีบกับข้าวให้นางแล้วพูดว่า วันนี้จานนี้ทำได้ไม่เลว เจ้าชิมให้มากหน่อยเถิด’

ข้างหูดูเหมือนจะเงียบสงบลงทันใด

แต่เป็นเพราะเงียบสงบเกินไป จึงทำให้รู้สึกไม่คุ้นชิน

ตอนเฮ่อหลันฉือตกใจตื่นกลางดึกก็มองไม่เห็นเงาร่างข้างกายที่ลมหายใจสม่ำเสมอทั้งยังนอนเป็นระเบียบเช่นเดิมแล้ว

ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันทั้งกลางวันกลางคืน ได้เห็นหน้ากันทุกวัน ลู่อู๋โยวใช้วิธีที่ไม่อาจมองข้ามได้บางอย่างเข้ามายึดทุกส่วนในชีวิตประจำวันของนางโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก่อนหน้านี้ต่อให้แยกกันหนึ่งวันสองวันก็ไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้นานเข้าจึงตระหนักถึงมัน

นางดูเหมือนเคยชินกับวันเวลาที่มีลู่อู๋โยวแล้ว

รอบข้างถึงขั้นเงียบสงบจนน่ากลัวเล็กน้อย

ซวงจือเหมือนจะสังเกตเห็นว่าหลายวันมานี้เฮ่อหลันฉือไม่ค่อยสดชื่นนัก จึงพูดเสนอความเห็นว่า “ไปหาคุณหนูสกุลเหยา แล้วไปจุดธูปไหว้พระกันดีหรือไม่เจ้าคะ”

“ช่างเถอะ” นางไม่อยากไปนัก และตอนที่ไปครั้งก่อนเป็นลู่อู๋โยวที่รับนางกลับมา

เฮ่อหลันฉือสงบจิตใจก้มหน้าฝึกเขียนอักษร ผ่านไปครู่ใหญ่จึงพบว่าตนเองไม่ได้เขียนตามแผ่นเขียนอักษร แต่พู่กันตวัดเขียนอักษร ‘อู๋โยว’ ออกมาโดยไม่รู้ตัว นางชะงักพู่กันเล็กน้อยแล้วดึงกระดาษออกมา

หลังจากดูอยู่ครู่หนึ่งนางก็คิดคำนวณขึ้นมาทันใดว่าเขาจากไปนานเพียงใดแล้ว

เฮ่อหลันฉือจำได้ไม่ค่อยชัดเจน เวลาคล้ายยาวนานขึ้นอย่างไร้เหตุผล

แท้จริงแล้ววันเวลาตอนนี้กับก่อนที่นางและลู่อู๋โยวจะแต่งงานกันไม่แตกต่างกันมากนัก ถึงขั้นเพราะไม่ต้องกังวลว่าในจวนจะมีรายรับไม่พอรายจ่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องชื่อเสียงการแต่งงานของตนเอง นางจึงผ่อนคลายมากขึ้น สามารถทำเรื่องที่นางอยากทำอย่างเป็นอิสระมากขึ้น

แต่พอถึงตอนบ่ายนางก็มักอดไม่ได้ที่จะมองไปทางประตูปราดหนึ่ง เหมือนว่าลู่อู๋โยวจะเดินเข้ามาจากตรงนั้นได้ทุกเมื่อ

ปกติเขาจะเดินเร็ว หลังเลิกงานแล้วจะคลายสาบเสื้อตรงไปเปลี่ยนชุดลำลองที่ห้องนอน พอเจอเฮ่อหลันฉือก็จะเลิกคิ้วยิ้ม พูดทักทายนาง จากนั้นก็ถามว่าคืนนี้พ่อครัวทำอะไร บางครั้งอารมณ์ดีก็จะเดินอ้อมมาจุมพิตนางครู่หนึ่งโดยไม่เลือกสถานที่

หากเฮ่อหลันฉือกำลังทำงานสำคัญบางครั้งก็จะรู้สึกรำคาญเล็กน้อย

ตอนนี้ไม่มีความรำคาญแล้ว แต่กลับมีความรู้สึกอ้างว้างอยู่หลายส่วน

ลู่อู๋โยวจากไปแล้ว คนที่มาเยี่ยมเยือนที่จวนจึงน้อยลงไปมาก เฮ่อหลันฉือเอาบทความที่อ่านจบก่อนหน้านี้ไปไว้ที่ห้องหนังสือของเขาทั้งหมด ทว่าต่อให้มีข้อสงสัยก็ไม่มีใครให้ถามแล้ว

นางนั่งอยู่ในห้องหนังสือของลู่อู๋โยวครู่หนึ่ง ก่อนจะตระหนักได้ว่าตนเองดูเหมือนจะเสียเวลาอยู่บ้างและทำอะไรที่ไร้ความหมาย ทั้งที่นางยังมีเรื่องมากมายที่สามารถทำได้

ซวงจือพูดเสนอความคิดอีกว่า “หรือว่าพวกเราจะไปเที่ยวชมธรรมชาติดีเจ้าคะ”

“ไม่จำเป็น ออกไปข้างนอกตอนนี้จะเพิ่มความยุ่งยากได้ง่าย”

พอลู่อู๋โยวจากไป คนที่มาด้อมๆ มองๆ หน้าประตูจวนก็มากขึ้น ไม่เพียงมีคนเจตนาไม่ดี ยังมีคนมารอดูเรื่องสนุกด้วย พวกเขาต่างรู้ว่าเฮ่อหลันฉือเป็นหญิงงามในเมืองหลวง ตอนนี้สามีเดินทางไกลหลายเดือน ไม่แปลกที่จะทำให้คนเกิดความคิดพูดจานินทาเหลวไหลเหล่านั้นออกมา

ซวงจือก้มหน้าลง “เช่นนั้นท่านอย่าเศร้าไปเลยเจ้าค่ะ”

เฮ่อหลันฉือพูดอย่างแปลกใจ “ข้าเศร้าใจเสียที่ใด” นางหยุดไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “อย่างมากก็เพียงเงียบเกินไปบ้างเท่านั้น”

“แต่…แต่ท่านไม่ได้ยิ้มนานแล้ว”

เฮ่อหลันฉือเข้าใจขึ้นหลายส่วนในทันที

ไม่เพียงแค่เงียบสงบ แต่ดูเหมือนวันเวลาจะทำให้รู้สึกอึดอัดน่าเบื่อขึ้นทุกทีตั้งแต่ใครบางคนจากไป

 

เหยาเชียนเสวี่ยรู้ว่าเฮ่อหลันฉือตัวคนเดียวยังตั้งใจมาเยี่ยม ลูบผมยาวของนางแล้วพูดปลอบว่า “คนเป็นขุนนาง ออกไปทำงานนอกบ้านเป็นเรื่องปกติมาก”

เฮ่อหลันฉือกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้”

นางกระจ่างดีว่าบิดานางที่ผ่านมาวิ่งงานไปทั่วไม่ค่อยอยู่บ้านอย่างไรบ้าง

เหยาเชียนเสวี่ยเอ่ยเสริมอีกว่า “ถ้าเจ้ารู้สึกเบื่อ ข้าจะพาเจ้าไปร่วมงานเลี้ยงดีหรือไม่ ถึงแม้ระยะนี้ฝนจะตกบ่อย แต่ชมดอกไม้มองฝนในศาลาก็น่าสนุกไปอีกแบบนะ พวกนางยังจัดงานชุมนุมกวี งานชุมนุมพิณอะไรเหล่านี้ด้วย ถ้าเจ้าสนใจข้าจะช่วยไปขอเทียบเชิญมาให้”

เฮ่อหลันฉือคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ปฏิเสธไปทั้งหมด นางไม่อยากได้ความครึกครื้นจริงๆ

เหยาเชียนเสวี่ยจนปัญญา ทำได้เพียงเล่าข่าวซุบซิบนินทาบางอย่างให้เฮ่อหลันฉือฟัง ตอนพูดถึงเรื่องของคุณหนูรองสกุลเว่ยกับหลินจางยังพูดอย่างเบิกบาน

“ข้าหัวเราะแทบตายจริงๆ ถึงแม้คุณหนูรองจวนคังหนิงโหวผู้นั้นที่ผ่านมาจะปากไม่มีหูรูด แต่เจ้ารู้หรือไม่ นางกลับไปโอดครวญกับสหายสนิท บอกว่าคิดว่าคุณชายหลินอาจจะสมรรถภาพไม่ค่อยดี! บังเอิญคุณชายหลินได้ยินเข้า เขาดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อและยังแก้ตัวอย่างร้อนรนว่าพวกเขาสองคนไม่ได้เข้าหอกันเลย คุณหนูรองจวนคังหนิงโหวกลับพูดอย่างมีเหตุผลเต็มเปี่ยมว่านี่ก็หมายความว่าเจ้าไม่มีสมรรถภาพมิใช่หรือ! แล้วทั้งสองคนก็ทะเลาะกันใหญ่โตขึ้นมาอีก…ถึงข่าวลือที่ออกมาอาจจะบิดเบือนไปบ้าง แต่ก็น่าขันเหลือเกินจริงๆ ทว่าพวกเขาแต่งงานมานานถึงเพียงนั้นยังไม่ได้เข้าหอ ไม่แน่ว่าคุณชายหลินอาจจะมีโรคอะไรก็ได้นะ!”

เฮ่อหลันฉือกลับแก้มแดงอย่างไร้สาเหตุ

โชคดีที่ข้ากับลู่อู๋โยวเข้าหอกันแล้ว แต่ว่า…

เฮ่อหลันฉือดึงสติกลับมาคิดดู เหตุใดไม่ว่าเรื่องอะไรนางจะต้องคิดไปถึงลู่อู๋โยวได้ แต่นางยังคงอดไม่ได้ที่จะถามไปหนึ่งประโยค

“หลังจากแต่งงานแล้วจะเข้าหอกันเร็วมากทุกคนหรือ”

เหยาเชียนเสวี่ยที่ยังไม่ได้แต่งงานพูดเหมือนคนที่เคยผ่านประสบการณ์ “นั่นแน่นอนอยู่แล้วสิ! ก็ต้องเข้าหอในคืนนั้นกันหมดมิใช่หรือ เจ้าคงไม่รู้ ครั้งก่อนคุณหนูบ้านบัณฑิตเล่าเรียนตำรามารยาท อาจเป็นเพราะไม่มีใครสอน คิดว่าเรื่องนั้นน่าอายเกินไป พอแต่งงานแล้วเป็นตายก็ไม่ยอมเข้าหอ ดึงเวลาไว้หนึ่งถึงสองเดือน สุดท้ายวุ่นวายจนเกือบจะถูกขอหย่าเลยทีเดียว”

เฮ่อหลันฉือ “…”

เหยาเชียนเสวี่ยยังพูดยกตัวอย่างต่อไป “คนบ้านเจ้าผู้นั้นคงเป็นเช่นเดียวกันกระมัง ก่อนแต่งงานเขารีบร้อนจะแต่งเจ้าเข้าบ้านถึงเพียงนั้น ข้าก็รู้สึกว่าเขาต้อง…แค่กๆๆ แต่ว่าเห็นแก่ที่เขาปฏิบัติต่อเจ้าไม่เลว ข้าก็จะไม่ถือสา”

เฮ่อหลันฉือตอนนี้ยังรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย

ดูจากการแสดงออกของเขา นางคงจะทำให้เขาต้องอดกลั้นมานานมากจริงๆ

“แต่ครั้งนี้เขาออกจากบ้านนานถึงเพียงนี้ เจ้าต้องระวังสักนิดนะ เขียนจดหมายส่งของไปให้มากสักหน่อย อย่าให้เขาลืมเลือนเด็ดขาด คิดว่าอยู่ข้างนอกมีโอกาส…” เหยาเชียนเสวี่ยพูดกำชับตักเตือน

เฮ่อหลันฉือพยักหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ลู่อู๋โยวบอกนางว่าหากมีจดหมายก็สามารถไหว้วานตึกลมบูรพารุจีส่งไปได้ แต่ข้างกายนางไม่มีเรื่องน่าสนใจอะไร เขียนก็เขียนอะไรไม่ออก จะเขียนข่าวลือที่เหยาเชียนเสวี่ยเล่าให้นางฟังลงบนจดหมายคงไม่ได้กระมัง

ในชั่วขณะหนึ่งนางถึงขั้นไม่รู้จะทำเช่นไร และไม่รู้ว่าควรจะจรดปลายพู่กันหรือไม่

สุดท้ายเหยาเชียนเสวี่ยก็เล่าข่าวสนุกเรื่องอื่นให้เฮ่อหลันฉือฟังอีก ก่อนจะกอดนางแล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวฉือ เช่นนั้นคราวหน้าข้าค่อยมาเยี่ยมเจ้าใหม่แล้วกันนะ”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 20

บทที่ 20 ความรักลึกซึ้งแนบแน่น เฮ่อหลันฉือไม่มีท่าทางประหนึ่งไม่ยี่หระต่อความตายแต่บนใบหน้ายังคงดูสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 137-138

บทที่ 137 ยามนั้นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเองก็เปลี่ยนเป็นชุดพันรอบอกสำหรับเล่นน้ำแล้ว นางเกิดมาแขนขายาว ดังนั้นท่อนล่างถัดจากเสื...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 21

บทที่ 21 แยกจากยากยิ่งเช่นกัน ระยะนี้ในคณะละครโรงน้ำชาของเมืองหลวงเริ่มมีละครยอดนิยมเรื่องใหม่ชื่อ ‘ทำลายบุพเพสันนิวาส’ ...

community.jamsai.com