ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 31 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 31

3 of 3หน้าถัดไป

ตอนฟ้าเริ่มสางบนพื้นราบก็เริ่มเห็นทหารม้าเป่ยตี๋เข้ามาใกล้ ควันแจ้งสงครามพวยพุ่ง คนที่เป็นผู้นำมีรอยยิ้มน่าสะพรึงกลัว

จำนวนคนในเมืองไม่พอจริงๆ

ผู้บัญชาการอวี๋ที่เฝ้าระวังในเมืองสุยหยวนเวลานี้คิดอะไรไม่ออกเช่นกัน ทว่าพอเห็นลู่อู๋โยวเดินมาด้วยสีหน้าสงบนิ่งก็เหมือนกับได้เจอขุมพลังหลัก เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย แต่เวลานี้เขาไม่มีแก่ใจสนใจเรื่องอื่นแล้ว

เจ้าเมืองหนีไปแล้ว! มีคนยอมออกมาควบคุมสถานการณ์หลักได้นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ว่า…

ผู้บัญชาการอวี๋ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ไม่ขอปิดบังความจริง ทหารเฝ้ารักษาเมืองมีไม่ถึงพันนาย”

“แล้วอาวุธโดยเฉพาะธนูเล่า ยังมีเครื่องมือป้องกันเมือง ในห้องคลังมีอยู่หรือไม่”

“ของพวกนั้นมีอยู่ แต่จำนวนคน…” ผู้บัญชาการอวี๋พูดอย่างอึกอัก

ที่นี่เป็นเหมือนที่อื่นในต้ายง ในกองทหารมีความอดอยากรุนแรง

“โชคดีที่ฝ่าบาททรงเสริมค่าใช้จ่ายแก่ค่ายทหารเก้าแห่งที่ชายแดน ไม่เช่นนั้นตอนนี้เหล่านักรบเกรงว่าคงไม่มีแก่ใจออกรบ เรื่องนี้ยังต้องขอบคุณใต้เท้าลู่มาก”

พรรคชังซานที่ลู่อู๋โยวไปทลายรังมาก่อนหน้านี้ยังมีคนกว่าพันคนอยู่ในเมือง ให้พวกเขาไปทำงานขุดแม่น้ำยังพอว่า จะเกลี้ยกล่อมให้เสี่ยงตายรักษาเมืองได้หรือไม่ยังพูดได้ยาก อย่างไรเสียเดิมทีก็เป็นพรรคที่มีคนหลายกลุ่มมารวมตัวกัน

ทางด้านเฮ่อหลันฉือก็รวบรวมชายฉกรรจ์อายุน้อยมาได้เกือบพันคนเช่นกัน

“ใต้เท้าลู่บอกว่าจะลุย! พวกเราก็จะทำตามใต้เท้าลู่!”

“เป่ยตี๋จะบุกมาจริงหรือ”

“ถ้าเป็นเจ้าคนแซ่เหยียนนั่น ถุย ข้าไม่ทำหรอก!”

พวกเขายังคงไม่ค่อยมีความรู้สึกถึงอันตราย ที่ผ่านมาเป่ยตี๋มารุกรานก็ไม่ได้เล่าลือกันจนน่าตื่นตระหนกมากนัก

ลู่อู๋โยวขอให้ผู้ช่วยหลิ่วกับผู้บัญชาการอวี๋ช่วยกันนับจำนวนคน ส่วนตนเองเริ่มส่งสัญญาณควันเรียกคน แต่ชาวยุทธ์ที่สามารถระดมมาได้ในเวลานี้คงไม่มากนัก เรื่องนี้ทำให้รู้สึกร้อนใจมากจริงๆ

แน่นอนว่าเดิมทีถูกลดตำแหน่งย้ายมาสถานที่เช่นนี้ต้องคาดเดาได้บ้างไม่มากก็น้อย

ในสายตาของพวกเขา ลู่จ้วงหยวนที่มือไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะมัดไก่ตอนนี้เกรงว่าคงกำลังเร่งรีบเอาชีวิตรอด

องครักษ์ส่วนตัวที่มู่หลิงเรียกเข้าเมืองมาก่อนที่ฟ้าจะสว่าง แต่เพราะความมืดดำไปทั่วจึงทำให้เกือบจะถูกเข้าใจว่าเป็นชาวเป่ยตี๋มาโจมตี

หลังจากลู่อู๋โยวให้คนนับจำนวนแล้วก็พบว่า…

มู่หลิงยักไหล่ “เกิดเรื่องกะทันหัน เรียกตัวมาได้มากถึงเพียงนี้ก็ไม่เลวแล้ว และเพื่อสะดวกในการเคลื่อนพล สัมภาระอะไรก็ไม่ได้เอามาด้วย ในเมืองมีเสบียงพอหรือไม่ เจ้าคิดจะต้านไว้กี่วัน”

ลู่อู๋โยวคร้านจะสนใจเขา แต่ยังคงว่าไปตามเรื่อง พูดขอบคุณไปหนึ่งประโยค “เรื่องนี้ถือว่าข้าขอบคุณเจ้า”

“อย่างไรเสียเก็บไว้ให้ข้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร ทำเช่นนี้ท่านพ่อข้าคงจะพอใจมากกว่า หากเมืองนี้รักษาไว้ไม่ได้จริงๆ ขอแนะนำให้เจ้ารีบ…”

ลู่อู๋โยวพลันพูดขึ้น “เหตุใดยังมีคนตาสีฟ้าด้วย”

“เพราะท่านพ่อข้าชอบคนต่างแคว้นมาก ช่วยชีวิตไว้ไม่น้อย คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่เคยได้รับเมตตาจากท่านพ่อข้า น่าจะเชื่อใจได้”

“เชื่อใจได้เหมือนเจ้าหรือ”

มู่หลิงยิ้มบางๆ

ลู่อู๋โยวก็หัวเราะเบาๆ เช่นกัน “เอาเป็นว่าถ้ามีปัญหา ทุกคนก็ตายไปพร้อมกัน”

 

อย่างไรเสียสุยหยวนก็เป็นเมืองชายแดน การสร้างเมืองจึงทำไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ รอบนอกมีคูน้ำป้องกันเมือง ประตูเมืองสี่ทิศมีกำแพงล้อมด้านนอกอีกชั้น

แม้จะไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์ แต่ปกติเมื่อมีโจรอันธพาลมารุกราน ขอเพียงเฝ้าระวังรักษาเมืองให้ดีก็ไม่สามารถบุกโจมตีในเมืองได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น แต่ครั้งนี้กลับคาดเดาได้ยากมาก

หลังจากนับจำนวนคนเสร็จ คนหลายพันคนนี้ถูกแบ่งไปเฝ้าระวังทั้งสี่ประตู คนที่ประจำประตูทิศเหนือที่รับศัตรูโดยตรงมีมากที่สุด มือธนูพร้อมสรรพ ยังให้คนเตรียมหม้อใบใหญ่ตั้งน้ำมันร้อนระอุไว้บนกำแพงเมือง ยังมีหินก้อนใหญ่อีกด้วย

ลู่อู๋โยววุ่นวายมาทั้งคืน เห็นเฮ่อหลันฉือกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่ว่าการนับจำนวนธัญญาหารและสมุนไพรที่เก็บไว้ในคลัง บนใบหน้าเล็กแฝงความเหนื่อยล้าเล็กน้อยเช่นกัน ยามปกติตามตารางการใช้ชีวิตของเฮ่อหลันฉือ เวลานี้นางต้องเข้านอนไปแล้ว

ตั้งแต่แต่งงานกับเขานางถูกบังคับให้ไม่ได้นอนกลางคืนเป็นบางครั้ง ตอนนี้รอนแรมมาถึงที่นี่ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อีก

ตอนเขาเดินไปหา นางเพิ่งตัวโงนเงนแล้วฝืนตัวให้อยู่นิ่ง เขาแตะไหล่ของนางแล้วเอ่ยว่า “ไปพักผ่อนสักครู่เถอะ”

เฮ่อหลันฉือได้ยินเสียงก็ตกใจก่อนจะส่ายศีรษะช้าๆ “รอข้านับเสร็จก่อน” นิ้วมือของนางยังวางอยู่บนลูกคิด

“ได้ ข้าจะช่วยเจ้านับ จะฝืนไปไย”

เฮ่อหลันฉือพูดเสียงเครียดว่า “เจ้าเองก็ยังไม่ได้พักผ่อนเช่นกัน”

เดิมทีนางไม่ต้องเอาตัวมาเสี่ยงเช่นนี้ก็ได้

ลู่อู๋โยวรู้ว่าตนเองต้องอยู่ต่อแน่นอน ให้เขาทิ้งเมืองหนีไปก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับการฆ่าเขา ถึงขั้นต่อให้ไม่พูดถึงคุณธรรมแผ่นดินอะไร แต่หลักการเป็นมนุษย์ของเขาก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน

ชีวิตมนุษย์จะยาวหรือสั้นไม่สำคัญ ขอเพียงไร้ซึ่งความละอายใจก็พอ

แต่ต่อให้รู้ว่าเฮ่อหลันฉือไม่ใส่ใจ เขายังคงคิดว่าเป็นตัวเขาเองที่พานางมาอยู่ในพื้นที่อันตรายแถบนี้ หากเป็นไปได้เขาย่อมหวังว่าชีวิตของนางจะสงบสุขและมั่นคง ไม่ใช่เต็มไปด้วยอันตรายตลอดเวลา

เฮ่อหลันฉือเงยหน้าขึ้น เห็นแววตาเหมือนใช้ความคิดในดวงตาของลู่อู๋โยวก็รู้แล้วว่าเขาคงจะคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องบางอย่างอีกแล้ว

ความคิดของคนคนนี้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นกระจ่างชัดขึ้น

นางได้แต่พูดเสียงดังขึ้น “ไม่ต้องคิดว่าข้าน่าจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ได้แล้ว ตอนนี้ข้ามีความสุขดีมาก ถ้าเจ้าส่งข้าจากไปข้าจึงจะรู้สึกโกรธ”

“ข้าไม่ได้คิดจะส่งเจ้าจากไป”

ส่งตัวนางจากไปก็มีอันตรายเช่นกัน อยู่ในสายตาทำให้สบายใจได้มากกว่าเล็กน้อย

เฮ่อหลันฉือครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ข้าถึงขั้นคิดว่าข้าสามารถสวมชุดเกราะไปเป็นมือธนูบนกำแพงเมืองได้หรือไม่”

ลู่อู๋โยวบีบแก้มของนาง พูดทีเล่นทีจริงว่า “เช่นนั้นออกจะเสียดายของเล็กน้อย ไม่แน่ว่าเจ้าไปยืนอยู่บนกำแพงเมือง บอกให้พวกเขาวางอาวุธลงอาจจะมีคนรับคำก็ได้”

เฮ่อหลันฉือจับมือของเขาลงมาแล้วพูดเร่งอย่างจนคำพูด “ถ้าไม่ไปพักผ่อนก็ไปทำงานเถอะ เร็วเข้า”

ลู่อู๋โยวพูดอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเย็นชานัก”

เฮ่อหลันฉือ “…?”

 

(ติดตามต่อได้ในรูปแบบฉบับเต็มวันที่ 19 มิ.. 2568)

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 4-6

    By

    บทที่ 4 แป้งชาด ตอนตี้อีชิวกลับถึงกองเสวียนอู่ก็เป็นยามอิ๋นแล้ว ถึงอย่างไรท้องฟ้าก็กำลังจะสว่าง เขาจึงมิได้นอนอีก ตัดสินใจไปอ่านเอกสารที่ห้อ...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3

    By

    บทที่ 1 แค้นเก่า หวงหร่างกลายเป็นเผือกร้อนหัวหนึ่ง ผู้เก่งกล้าจากสำนักเซียนหลายคนฝ่าฟันอันตรายลักพาตัวนางออกมาด้วยความยากลำบากเหลือแสน เดิมท...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 1.5-1.6

    By

    บทที่ 1.5 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง ยามนี้ในห้องลงทัณฑ์เงียบสงัดราวกับไร้คนมีชีวิต ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ยากจะทานทนเมื่อครู่เริ่มสงบลงแล้...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 1.3-1.4

    By

    บทที่ 1.3 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง หลังจากหิมะตกในยามค่ำคืน วันถัดมาที่หนานไห่จื่อก็ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ผู้ดูแลเอามือป้องตาพลางเปิ...

  • ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทนำ-บทที่ 1.2

    By

    บทนำ บนโลกนี้มีการเดินทางข้ามกาลเวลาที่สมบูรณ์แบบอยู่หรือไม่ น่าจะมีอยู่ หยางหวั่นก็คือคนโชคดีที่ได้เดินทางข้ามกาลเวลาครั้งนี้ หลายคนต่างบอก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 หูซื่อหลังส่งจางมามาไปแล้วก็มีท่าทางเซื่องซึม แต่ตอนที่หันกลับมาเห็นบุตรสาวก็ฝืนทำเป็นยิ้มร่าเริง กระตุ้นให้ตนเองฮึกเหิมแล้วไปล้างปล...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ตามที่บทละครเขียนไว้แขวนโคมแดงคือการเปิดประตูเรือนทำงานเป็นนางคณิกา แม้หูซื่อจะทำเช่นนี้จริงๆ ยามจวนตัว แต่คำพูดนี้พอออกมาจากปากบุตร...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 1-2

บทที่ 1 อู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนเองที่เป็นผู้จัดการดารามือทองมากประสบการณ์จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 5-6

บทที่ 5 ตามที่บทละครเขียนไว้แขวนโคมแดงคือการเปิดประตูเรือนทำงานเป็นนางคณิกา แม้หูซื่อจะทำเช่นนี้จริงๆ ยามจวนตัว แต่คำพูด...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 3-4

บทที่ 3 อู๋เซี่ยวเซี่ยวเปิดกระจกรถเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ให้กลิ่นค่อยๆ ระบายออกไป จากนั้นสตาร์ตรถ เหยียบคันเร่งขับรถ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 7-8

บทที่ 7 หูซื่อหลังส่งจางมามาไปแล้วก็มีท่าทางเซื่องซึม แต่ตอนที่หันกลับมาเห็นบุตรสาวก็ฝืนทำเป็นยิ้มร่าเริง กระตุ้นให้ตนเอ...

community.jamsai.com