เสิ่นหยวนเห็นเซวียอี๋เหนียงมองตนเองด้วยท่าทางใจลอยอยู่บ้างก็อมยิ้มมุมปากพลางเอ่ยถาม “อี๋เหนียงเอาแต่มองข้าเช่นนี้ มีอะไรหรือไม่”
เซวียอี๋เหนียงพลันได้สติกลับมา รีบยิ้มเอ่ยว่า “เป็นเพราะข้าไม่ได้เห็นคุณหนูใหญ่มาหนึ่งปีกว่า พอได้มาเห็นกะทันหัน คุณหนูใหญ่ยิ่งดูงดงามชวนมองกว่าเก่า จึงอดจะมองนานๆ ไม่ได้”
นางหันหน้ากลับไปเรียกเสิ่นหลัน “เจ้ามิใช่พูดบ่อยๆ ว่าเจ้าคิดถึงพี่สาวเจ้ามากหรือไร บัดนี้พี่สาวเจ้ากลับมาแล้ว เจ้ายังไม่รีบมาพบพี่สาวเจ้าอีก”
เสิ่นหลันได้ยินก็รีบก้าวมาหา ยื่นมือมากุมมือเสิ่นหยวน น้ำตาคลอหน่วย พูดขึ้นด้วยความตื้นตันระคนดีใจ “พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาได้เสียที ท่านไม่ทราบหรอกว่าหนึ่งปีมานี้ในใจน้องสาวคิดถึงท่านมากเพียงไร”
เสิ่นหยวนมองเสิ่นหลันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ทว่าในใจนางไม่เชื่อคำของเสิ่นหลันแม้แต่น้อย หากเสิ่นหลันคิดถึงนางอย่างที่พูดจริง ไฉนหนึ่งปีกว่านี้ถึงไม่เห็นส่งจดหมายมาให้นางสักฉบับ ทั้งไม่เห็นเสิ่นหลันร้องขอความเมตตาต่อหน้าบิดาให้รับนางกลับเมืองหลวงในเร็ววัน
ถึงอย่างนั้นบนหน้าเสิ่นหยวนยังคงมีรอยยิ้ม ซ้ำยังยกมือตบหลังมือเสิ่นหลันเบาๆ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “หนึ่งปีกว่านี้พี่ก็คิดถึงเจ้ามากเช่นกัน”
เสิ่นหลันหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
เมื่อครู่ยามเสิ่นหยวนปราศรัยทักทายอยู่กับเซวียอี๋เหนียง นางมองดูจากด้านข้างก็ให้รู้สึกแปลกใจแล้ว มาตอนนี้ ความรู้สึกแปลกใจนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
คนตรงหน้านี้ใช่เสิ่นหยวนจริงหรือ คำที่นางพูดออกมาเมื่อครู่เป็นคำที่นางในอดีตไม่มีทางพูดออกมาได้แน่
เวลานี้เสิ่นหยวนได้ชักมือเสิ่นหยวนออกจากมือตนแล้วเดินไปหยุดยังเบื้องหน้าเด็กชายที่ด้านข้าง มองเขาด้วยน้ำตาคลอหน่วย
เด็กชายมองเสิ่นหยวนเดินมาใกล้พลางพยักหน้าให้นางอย่างรีบร้อนคล้ายเหนียมอายอยู่บ้าง ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยเรียก “พะ…พี่หญิงใหญ่”
น้ำตาของเสิ่นหยวนพลันไหลลงมา
นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว กุมมือน้องชายผู้นี้ไว้แน่น มองเขาพลางเรียกเสียงเบา “หงเอ๋อร์”
นี่คือเสิ่นหงน้องชายร่วมมารดาของนาง นางยังจำได้ว่าชาติก่อนตอนนางอายุสิบสาม เสิ่นหงใช้เงินเก็บของตนเองไปเลือกเฟ้นปิ่นหยกเขียวอันหนึ่งมาให้นางจากในร้านเครื่องประดับ ทว่านางกลับเดียดฉันท์ว่าหยกนั้นคุณภาพไม่ดี ไม่คู่ควรกับนาง เลยยกปิ่นนั้นให้สาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ต่อหน้าเสิ่นหง
เวลานั้นทั้งหน้าเสิ่นหงมีแต่ความผิดหวัง ตอนนี้นึกกลับไปก็ทิ่มแทงใจเสิ่นหยวนเหลือเกิน
“หงเอ๋อร์” เสิ่นหยวนออกแรงกุมสองมือเสิ่นหงแน่นขึ้น แม้ดวงตานางจะยังมีน้ำตา แต่บนหน้ากลับมีรอยยิ้มบางๆ มองเขาพลางพูดเสียงนุ่ม “พี่กลับมาแล้ว”
เพราะฉะนั้นข้าจะไม่มีวันปล่อยให้น้องชายคนเดียวของข้าต้องมีจุดจบอันน่าเศร้าเช่นเมื่อชาติก่อนอีก
เสิ่นหงเห็นเสิ่นหยวนมีท่าทางเช่นนี้ ในใจกลับตระหนกตกใจอย่างที่สุด
เขาพูดไม่คล่องนัก ติดอ่างอยู่เล็กน้อย ท่าทางก็ดูอ่อนแอปวกเปียก พี่หญิงใหญ่ถึงได้ดูถูกเขาเสมอมา นางพูดกับเขาน้อยครั้งนัก เคยกุมมือเขาเช่นนี้ พูดกับเขาอย่างอ่อนโยนเพียงนี้เสียเมื่อไร
ชั่วขณะหนึ่งเสิ่นหงถึงกับเบื้อใบ้พูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าเวลานี้เขาควรพูดอะไร
ทว่ายามนี้เสิ่นหยวนควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว
เมื่อครู่ขณะมองเห็นเสิ่นหง นางตื่นเต้นเกินไปจริงๆ คิดว่าคงทำเขาตกใจอยู่บ้างกระมัง
นางเก็บมือที่กุมมือเสิ่นหงกลับมา ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะมองไปทางสาวน้อยผู้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ
เห็นเสิ่นหยวนมองมา นางก็ยอบตัวคารวะก่อนเอ่ยทัก “พี่หญิงใหญ่”