นี่คือเสิ่นเซียวน้องสาวคนที่สี่ของนาง เกิดจากเว่ยอี๋เหนียงอนุอีกคนของบิดา น่าเสียดายที่เว่ยอี๋เหนียงป่วยตายไปตั้งแต่หลายปีก่อน ยามมารดาของเสิ่นหยวนยังอยู่ได้ให้การดูแลเสิ่นเซียวเป็นอันมาก มักพูดว่านางเป็นแม่นางน้อยที่ว่านอนสอนง่าย เพียงแต่นิสัยอ่อนแอจึงถูกคนรังแกได้ง่ายไปสักหน่อย
เสิ่นหยวนพยักหน้าให้เสิ่นเซียว แย้มยิ้มพลางเอ่ยเรียกว่า “น้องหญิงสี่”
ส่วนเสิ่นหรงกับเสิ่นเซียงกลับไม่ได้มา
เซวียอี๋เหนียงยิ้มพลางอธิบาย “พี่ใหญ่ของท่านเรียนหนังสืออยู่ที่สำนักศึกษาตรงตรอกถงฮวายังไม่กลับมา ส่วนเซียงเจี่ย เมื่อครู่ข้าให้สาวใช้ไปถามแล้ว นางบอกว่ารู้สึกไม่ใคร่สบายนัก จึงไม่อยากออกจากห้อง”
ในใจเสิ่นหยวนกระจ่างดีว่าเสิ่นเซียงหาใช่ไม่สบายเลยไม่อยากออกจากห้อง อันที่จริงอีกฝ่ายไม่อยากมารับนาง เกรงว่าในใจน้องสาวผู้นี้คงยังไม่อยากให้พี่สาวคนนี้กลับมากระมัง
เสิ่นเซียงคิดมาตลอดว่ามารดาลำเอียงรักนาง มีของดีอะไรก็ให้แต่นาง ส่วนนางเองเมื่อชาติก่อนก็ไม่ชอบที่เสิ่นเซียงชอบเถียงนาง ดังนั้นจึงไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเสิ่นเซียง วันนี้อีกฝ่ายไม่ออกมาต้อนรับนางกลับบ้านก็เป็นเรื่องที่ปกติยิ่งกว่าอะไร
อยากจะใกล้ชิดกับเสิ่นเซียงย่อมไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน เสิ่นหยวนรู้ดีว่าเรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ นางจึงเพียงยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
เวลานี้เซวียอี๋เหนียงก็พูดยิ้มๆ ขึ้นมาจากด้านข้างอีกครั้ง “พักก่อนข้าได้รับจดหมาย ทราบว่าคุณหนูใหญ่จะกลับมา ในใจให้ยินดีเหลือเกิน เช้ามาจึงให้คนไปเก็บกวาดเรือนซู่อวี้ของท่าน ทั้งยังเพิ่มเติมข้าวของเข้าไปจำนวนหนึ่ง คุณหนูใหญ่ ท่านจะกลับไปดูตอนนี้เลยหรือไม่ หากยังขาดตกสิ่งใด ท่านก็บอกข้าได้เลย ข้าจะให้สาวใช้นำไปส่งให้ท่านทันที”
ในใจเสิ่นหยวนพลันเจ็บปวดขึ้นมา
เมื่อก่อนตอนมารดายังอยู่มีอำนาจดูแลเรื่องในบ้าน นางขาดอะไรต้องการอะไรมีหรือต้องไปบอกคนอื่น สามารถให้สาวใช้ไปหยิบมาตรงๆ ได้เลย ทว่าตอนนี้มารดาจากไปแล้ว เซวียอี๋เหนียงดูแลเรือนส่วนใน นางขาดอะไรไปกลับต้องบอกอีกฝ่ายก่อน
เสิ่นหยวนมองเซวียอี๋เหนียง ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยว่า “อี๋เหนียงพูดเช่นนี้เหมือนเห็นข้าเป็นคนนอก นี่เป็นบ้านของข้า หากข้าขาดอะไรย่อมจะให้สาวใช้ไปหยิบเอง”
รอยยิ้มบนหน้าเซวียอี๋เหนียงแข็งค้างไป
วาจานี้ของเสิ่นหยวนแฝงใบมีดโกนอยู่บ้าง
หลังจากนั้นเซวียอี๋เหนียงก็ยิ้มพลางพูดอย่างอ่อนโยนทันที “คุณหนูใหญ่ ท่านอย่าได้คิดมาก ข้าเพียงแค่เป็นห่วงคุณหนูใหญ่เท่านั้น”
สูงศักดิ์ต่ำศักดิ์มีความแตกต่างกัน แม้ตอนนี้นางจะดูแลเรือนส่วนในของจวนสกุลเสิ่นนี้ แต่ว่ากันถึงที่สุดแล้วนางก็เป็นเพียงอนุคนหนึ่ง อย่างมากก็นับเป็นเจ้านายได้ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่เสิ่นหยวนกลับเป็นบุตรสาวคนโตสายตรง เป็นเจ้านายที่ชอบด้วยทำนองคลองธรรม ดังนั้นเบื้องหน้านางจึงไม่อาจไม่เคารพต่อเสิ่นหยวน
กระนั้นมือขวาของเซวียอี๋เหนียงยังคงออกแรงขยำผ้าเช็ดหน้าแพรสีเขียวอมฟ้าอ่อนในมือแน่น
เสิ่นหยวนไม่ได้มองนางอีก เพียงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือศีรษะ
น่าจะใกล้ยามเซิน** แล้ว ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่ว่าการจะเลิกงานยามเซิน ตอนนี้บิดาน่าจะใกล้ถึงบ้านแล้วกระมัง
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยวนก็เอ่ยสั่งชิงเหอกับชิงจู๋ รวมถึงหญิงรับใช้สูงวัยและสาวใช้ใช้แรงงานอีกไม่กี่คน “พวกเจ้านำหีบที่ข้านำกลับมาไปไว้ที่เรือนซู่อวี้ให้หมด”
พวกชิงเหอชิงจู๋รับคำ แล้วเสิ่นหยวนก็กล่าวกับไฉ่เวยและฉางหมัวมัว “สองคนตามข้าไปห้องหนังสือส่วนหน้าของท่านพ่อ”
นางจำได้ว่ายามบิดาเลิกงานกลับมาจะชอบไปพักผ่อนที่ห้องหนังสือส่วนหน้าก่อน
เซวียอี๋เหนียงได้ยินคำนางแล้ว ใบหน้าก็เปลี่ยนสีน้อยๆ
ที่ผ่านมาเสิ่นหยวนไม่ชอบเจอหน้านายท่านที่สุดแล้ว เนื่องจากนายท่านเห็นนางก็มักจะดุด่าว่านางที่ไม่เรียนเย็บปักถักร้อยให้ดี มักจะทดสอบว่านางเรียนคุณธรรมสตรีได้เป็นอย่างไรแล้ว ฉะนั้นเสิ่นหยวนจึงมักคิดหาทางหลบเลี่ยงนายท่านเสมอ แต่ไฉนตอนนี้นางจึงกลายเป็นฝ่ายต้องการไปพบนายท่านเองเสียเล่า
ยิ่งกว่านั้นเซวียอี๋เหนียงก็กังวลว่าถ้าสองพ่อลูกคู่นี้ได้พบหน้ากันจะอย่างไรพ่อลูกก็มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง ถึงเวลานั้นขอแค่เสิ่นหยวนร้องไห้สักหน่อย เมื่อนายท่านใจอ่อน ด้วยนิสัยหยิ่งจองหองเช่นที่แล้วมาของเสิ่นหยวนต่อไปไม่รู้จะเกิดเรื่องขึ้นอีกเท่าไร อย่างไรก็ยุ่งยากยิ่ง
ทางที่ดีขอให้นายท่านระอานางไปให้ตลอด ไม่พบหน้านางอีก เช่นนี้เสิ่นหยวนก็ก่อคลื่นลมใดๆ ไม่ได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้เซวียอี๋เหนียงจึงกล่าวเสียงนุ่ม “คุณหนูใหญ่ เรื่องพบนายท่านข้าว่าท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนดีกว่า เรื่องนั้นยังติดอยู่ในใจนายท่าน นายท่านยังคงโกรธเคืองท่านอยู่ ข้าขอพูดอย่างไม่กลัวจะทำให้คุณหนูใหญ่ผิดหวังเสียใจ ไม่กี่วันก่อนบ่าวมาแจ้งข่าวว่าเรือที่ท่านนั่งมาจะถึงเมืองหลวงวันนี้ แต่นายท่านถึงกับไม่ต้องการให้ใครไปรับที่ท่าเรือ จะให้ท่านกลับมาเอง ข้าต้องชักแม่น้ำมาเกลี้ยกล่อมเป็นครึ่งค่อนวัน นายท่านถึงยอมตกลงให้คนไปรับท่านที่ท่าเรือ ตอนนี้นายท่านยังโกรธเคืองอยู่ หากท่านไปพบนายท่านวันนี้ก็ไม่รู้ว่านายท่านจะว่าอะไรท่านบ้าง ยังคงรออีกสักหลายวันให้นายท่านคลายโทสะก่อนค่อยไปพบจะดีกว่า”
นางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพูดยิ้มๆ อีกว่า “นี่ข้าหวังดีต่อคุณหนูใหญ่ ไม่อยากเห็นนายท่านตำหนิท่าน”
โปรดติดตามตอนต่อไป