เมื่อนึกถึงสองมือที่ผลักตนลงบ่อในตอนนั้น ในใจฉยงเหนียงก็หนาวสั่นนิดๆ นางรีบฝืนข่มความขุ่นแค้นในใจ หลุบคิ้วตาแล้วหาจังหวะเหมาะๆ เผยสีหน้าหม่นหมองระคนเจ็บใจออกไปเล็กน้อย
ในเมื่อคุณหนูสกุลหลิ่วผู้ยิ่งใหญ่นี้มาเพื่อจะดูเรื่องขบขันของข้าฉยงเหนียง เช่นนั้นก็ให้อีกฝ่ายดูไปแล้วกัน แต่หากอีกฝ่ายหมายจะฟาดฟันกันก็เชิญออกกระบวนท่ามาได้เลย ข้าจะทนข่มโทสะในชั่วขณะนี้ไว้ วันหน้าค่อยแก้มืออย่างช้าๆ…
หลิ่วผิงชวนเห็นฉยงเหนียงแสดงออกเช่นนั้นก็แสนจะสาแก่ใจ เมื่อแรกที่นางได้เกิดใหม่ ชั่วอึดใจที่ลืมตาขึ้นนั้น นางคิดเพียงอย่างเดียวว่าสวรรค์เบื้องบนคงเห็นใจในความทุกข์ตรมของนาง ถึงให้นางได้กลับมาเขียนแก้โชคชะตาและวาสนารัก!
ชาตินี้นางวางแผนอย่างแยบยลจนได้กลับเข้าสกุลหลิ่วแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องตกอับไปเป็นนางบำเรอของหลางอ๋องผู้โหดเหี้ยมนั้นอีก ชาตินี้นางจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน ส่วนลูกคนชั้นต่ำสกุลชุยนี่ นางก็จะไม่ละเว้นไปง่ายๆ นางจะต้องทำให้ชุยเจียงฉยงค่อยๆ ลิ้มรสความขมขื่นของนางในชาติก่อนที่ต้องตกเป็นนางบำเรอและไม่อาจให้กำเนิดบุตรจนชั่วชีวิตดูบ้าง…
เนื้อร้ายในใจของหลิ่วผิงชวนมิได้บรรเทาลงหรือสลายไปเพราะได้ชีวิตใหม่ ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งเน่าเฟะกลัดหนองเพราะถูกกาลเวลาบ่มเพาะ กระนั้นรอยยิ้มบนใบหน้ากลับอ่อนโยนขึ้นทุกที
“พี่สาว อย่าได้ตำหนิที่ท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่มาเยี่ยมพี่เลย เป็นเพราะพวกท่านคำนึงถึงจิตใจข้า อันที่จริงข้าก็เคยโน้มน้าวพวกท่านทั้งสองแล้ว อย่างไรเสียก็เลี้ยงดูพี่สาวมาถึงสิบห้าปี คนเคยเป็นพ่อแม่ลูกกันมา สองฝ่ายคิดถึงกันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์…คราวนี้ท่านแม่ข้าจึงให้ข้านำเสื้อผ้าที่ตัดใหม่จำนวนหนึ่งมาให้พี่ด้วย”
ฟังสิ ยังคงเป็นสุ้มเสียงหวานใสที่มาพร้อมน้ำคำอันละมุนละไม เข้าคู่กับคิ้วที่หลุบต่ำและดวงตาที่เป็นมิตร ช่างเหมือนสาวน้อยที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นเสียนี่กระไร!
หากมิใช่เกิดใหม่อีกหน ฉยงเหนียงก็อาจหลงนึกว่าหลิ่วผิงชวนเป็นคนอ่อนหวานจิตใจดี จากนั้นก็คลายความระวังต่ออีกฝ่าย
น่าเสียดายที่ท่าทีจอมปลอมเยี่ยงนี้ของหลิ่วผิงชวนฉยงเหนียงคนปัจจุบันมองออกทะลุปรุโปร่งแล้ว นางจึงตอบโดยไม่เผยสีหน้าอาการ “ขอบคุณคุณหนูหลิ่ว เพียงแต่หลังจากกลับมาบ้านสกุลชุย ข้าต้องช่วยพ่อแม่หาบน้ำทำกับข้าว ชุดที่งามวิจิตรเหล่านั้นสวมแล้วไม่ค่อยเหมาะกับโอกาส จะทำให้สิ้นเปลืองของไปเปล่าๆ ยังคงรบกวนคุณหนูหลิ่วนำกลับไปกำนัลแก่ผู้อื่นเถิด”
หลิ่วผิงชวนไม่แปลกใจกับคำตอบนี้ ในชาติก่อนหลิ่วเจียงฉยงผู้เคยลือนามทั่วเมืองหลวงคนนั้นหยิ่งในศักดิ์ศรียิ่งยวด ต่อให้ชาตินี้ตกอับสู่ครอบครัวพ่อค้าแต่แรก ก็ไม่มีทางไยดีสิ่งที่ผู้อื่นเจือจานให้ด้วยความเวทนาเด็ดขาด
คิดมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มมุมปากของหลิ่วผิงชวนก็ยิ่งคล้ายบุปผาบานสะพรั่ง หึๆ น่าเสียดายที่ชาตินี้สตรีผู้มากความสามารถมิใช่บุตรีตระกูลขุนนางอีกต่อไป กระดูกของคนหัวแข็งเยี่ยงนี้ต่อให้โยนเข้าตรอกในตลาด แม้แต่สุนัขก็ไม่ไยดีจะกัดแทะ
ฟังจากรายงานของป้าฟั่นก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ฉยงเหนียงกลับมาอยู่ที่นี่ก็อาละวาดร้องไห้จะเป็นจะตายเรื่อยมา ทำเอาสามีภรรยาสกุลชุยอ่อนล้าเหลือทน คิดว่าคนทั้งบ้านคงจะเอือมระอาอดีตคุณหนูผู้เปราะบางที่จู่ๆ ก็มาอยู่ที่นี่กันแทบแย่แล้วกระมัง