เช่นนี้ตรงใจหลิ่วผิงชวนพอดี แม้สกุลหลิ่วจะพรั่งพร้อมด้วยลาภยศ ทว่าหากเอ่ยถึงความผูกพันในครอบครัว อย่างไรเสียสามีภรรยาสกุลชุยที่เลี้ยงดูตนมาก็สนิทชิดใกล้ยิ่งกว่า ยามนี้ตนใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ที่สกุลหลิ่ว แต่ก็ไม่อยากให้ฉยงเหนียงยึดครองความผูกพันของบิดามารดาเลี้ยงสกุลชุยไป ดังนั้นพอได้ยินข่าวว่าฉยงเหนียงอยู่ที่สกุลชุยไม่ได้ใจคนในบ้าน หลิ่วผิงชวนจึงพลันรู้สึกสบายอกสบายใจขึ้นมาก
แม้ถูกฉยงเหนียงปฏิเสธน้ำใจเรื่องเสื้อผ้า หลิ่วผิงชวนก็ไม่มีท่าทีขุ่นเคือง เพียงให้สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังปูเบาะผ้าดิ้นบนม้านั่งหินในลานเรือน จากนั้นหลิ่วผิงชวนก็ถือผ้าเช็ดหน้ามานั่งบนม้านั่งหิน ตั้งใจจะคอยสามีภรรยาสกุลชุยกลับมาพบกันก่อน ค่อยเดินทางกลับเมืองหลวง
พอเห็นคุณหนูนั่งปักหลัก สาวใช้กับหญิงรับใช้อาวุโสที่ติดตามนางมาต่างก็ง่วนกับงานทันที ที่ชงชาก็ชงชา ที่โบกพัดก็โบกพัด ยังมีสาวใช้หัวไวอีกคนจุดกำยานไว้ด้านข้าง ด้วยติว่าในลานเรือนมียุงมากเหลือเกิน พวกยุงพวกแมลงวันจะได้ไม่บินหึ่งๆ มารบกวนการพักผ่อนของคุณหนู
สาวใช้ที่หัวไวผู้นั้นมีนามว่าปี้สี่ นางจุดกำยานเสร็จไม่พอ ยังจงใจเยินยอเครื่องแต่งกายของหลิ่วผิงชวนเสียงดังต่อหน้าฉยงเหนียง “คุณหนูเจ้าคะ วันนี้ทั่วร่างของท่านล้วนดูงามตื่นตา เมื่อครู่ตอนที่ลงจากรถม้า คนบ้านนอกเหล่านั้นล้วนมองท่านจนตาค้างราวกับโง่งมไปทีเดียว!”
วาจาสอพลอยังไม่ทันขาดคำ หญิงรับใช้อาวุโสที่ชงชาอยู่ก็ร้องรับต่อทันที “อย่าว่าแต่คนบ้านนอกเลยเจ้าค่ะ เมื่อวานฮูหยินพาคุณหนูไปร่วมงานชุมนุมบทกลอนที่ฮูหยินอัครเสนาบดีจัดขึ้นเป็นการภายใน บรรดาคุณหนูฮูหยินที่สายตากว้างไกลเหล่านั้นก็ยังมองท่านไม่วางตาเลยมิใช่หรือ แต่ละคนแย่งกันถามว่าชุดของคุณหนูผิงชวนตัดเย็บที่ใด ทำให้ฮูหยินของพวกเราได้หน้ามากเชียวเจ้าค่ะ!”
ปี้สี่รับช่วงต่อ “นั่นสิเจ้าคะ ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าชุดนี้คุณหนูของพวกเราเป็นผู้วาดแบบขึ้นเอง จริงสิ เมื่อครู่เถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมนั้นยังสอบถามข้าเลย ก็ตอนที่ไปถามหาคุณชายซั่งที่โรงเตี๊ยมเมื่อครู่นั่นอย่างไรเล่าเจ้าคะ…”
“อะแฮ่ม…” หลิ่วผิงชวนพลันกระแอมตัดบทเหล่าข้ารับใช้ที่ปากมากคุยฟุ้ง ขณะเดียวกันก็กวาดตามองฉยงเหนียงปราดหนึ่งอย่างแนบเนียน
ฉยงเหนียงคร้านจะแลพฤติกรรมกระโตกกระตากของคนจนที่เพิ่งกลายเป็นผู้มั่งมีใหม่ จึงกลับเข้าห้องครัวไปทำอาหารเย็น โดยถือเสียว่ามองไม่เห็นนายบ่าวที่น่ารำคาญใจกลุ่มนี้
ชาติก่อนที่นางแต่งเข้าสกุลซั่ง มารดาสามีใจดำคร่ำครึ เคร่งครัดเรื่องความกตัญญูของลูกสะใภ้ต่อมารดาสามีเป็นพิเศษ ประกอบกับรู้เบื้องหลังชาติกำเนิดของนาง จึงจิกใช้นางอย่างไม่เกรงใจสักนิด ทั้งเรียกร้องให้นางทำงานครัวด้วยตนเอง โดยอ้างเพียงคำโบราณว่า ‘เจ้าสาวที่เพิ่งแต่งเข้ามาพึงลงครัวทำอาหาร’
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีนั้น คุณหนูที่ได้รับการประคบประหงมมาแต่เล็กเช่นนางจึงสามารถทำอาหารอย่างชำนิชำนาญ ถึงขั้นแสดงฝีมือได้อีกแขนงในงานเลี้ยงของเหล่าสตรีชั้นสูงในเวลาต่อมา
เพียงแต่เมื่อก่อนงานใต้เตาเช่นการเติมฟืนล้วนมีสาวใช้ช่วยทำให้ ตอนนี้นางคนเดียววุ่นทั้งบนหม้อและใต้เตาจึงไม่แคล้วมือเท้าปั่นป่วนอยู่บ้าง ไม่ทันไรดวงหน้าที่ขาวสะอาดก็มีผงขี้เถ้าเกาะเล็กน้อยแล้ว
ชุ่ยอวี้สาวใช้อีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหลิ่วผิงชวนเดิมทีเป็นสาวใช้คนสนิทของฉยงเหนียง ยามนี้เห็นนายเก่าสวมชุดเนื้อหยาบเสียบปิ่นไม้ นั่งยองทำงานอยู่หน้าเตาในห้องเพดานเตี้ย ในใจชุ่ยอวี้ก็พลันเจ็บปวด ทนไม่ไหวอยากจะไปช่วยเหลือ ทว่าน่าเสียดายร่างเพิ่งจะขยับก็ถูกหลิ่วผิงชวนตวัดตาใส่ด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย ชุ่ยอวี้จึงได้แต่ชะงักฝีเท้า เบนสายตาที่เปียกชื้นไปทางอื่น