ตอนที่ฉยงเหนียงลุกขึ้นเทน้ำก็เห็นการกระทำของชุ่ยอวี้อยู่ในสายตา หัวใจนางพลันร้อนผะผ่าวอย่างไม่อาจควบคุม…เด็กคนนี้ภักดีปกป้องนายไม่เคยเปลี่ยนเลย
ชาติก่อนตอนที่นางออกเรือน แม้สกุลหลิ่วคำนึงถึงหน้าตาจึงมอบสินเจ้าสาวให้ไม่น้อย ทว่าตอนนั้นข้ารับใช้ใกล้ชิดในจวนสกุลหลิ่วล้วนรู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของนางแล้ว ประกอบกับคนที่นางแต่งด้วยก็เป็นบุตรหลานตระกูลยากจน เมื่อใดที่ฐานะนางถูกเปิดโปง อนาคตก็ไม่อาจคาดเดาเลยจริงๆ
ดังนั้นพวกที่รู้จักอ่านสถานการณ์จึงใช้ทุกวิถีทางไปเอาใจหญิงรับใช้อาวุโสคนสนิทของเหยาซื่อ มุ่งหวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยพูดจาต่อหน้าฮูหยิน อย่าให้ตนเป็นสาวใช้ที่ติดตามไปกับขบวนเจ้าสาว มีเพียงชุ่ยอวี้ที่ไม่รู้จักวางแผนอนาคตตนเอง ขันอาสาจะติดตามฉยงเหนียงเข้าไปอยู่ในสกุลซั่ง
หลังจากมาที่สกุลซั่งแล้ว ชุ่ยอวี้ก็อยู่ในกรอบอย่างเคร่งครัด แม้ต่อมาซั่งอวิ๋นเทียนสอบติดขุนนางก็ไม่เคยมีความคิดจะปีนขึ้นเตียงเจ้านายเลย ตอนที่ชุยผิงเอ๋อร์เข้าออกสกุลซั่งบ่อยครั้ง ชุ่ยอวี้ก็เตือนสติฉยงเหนียงหลายหนว่าต้องระวังไว้ น่าเสียดายที่ฉยงเหนียงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ…
ฉยงเหนียงคนน้ำแกงข้นในหม้อเบาๆ ทอดถอนใจให้กับความตามัวใจบอดของตนในเวลานั้นอีกครั้ง ไม่รู้ว่าชาติก่อนหลังจากตนตายแล้วเด็กคนนี้เป็นเช่นไรบ้าง ฉยงเหนียงพลันวิตกแทนชุ่ยอวี้จนหลั่งเหงื่อเย็นเต็มมือ หากหลิ่วผิงชวนเกิดใหม่จริงๆ ตามอุปนิสัยของอีกฝ่ายคงจะคิดแค้นและกลั่นแกล้งชุ่ยอวี้เป็นแน่…แล้วบุตรชายหญิงคู่นั้นของตนเล่าต่อมาเป็นเช่นไร
ฉยงเหนียงไม่อยากคิดต่อไปอีก ทว่าดวงตาทั้งคู่ก็ยังคงแดงเรื่อ ทำให้หลิ่วผิงชวนที่อยู่ในลานเรือนมองดูแล้วคล้ายฉยงเหนียงหลั่งน้ำตาเพราะทนงานหนักในครัวไม่ไหว ในใจหลิ่วผิงชวนจึงรู้สึกสาแก่ใจอีกหน
เมื่อชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชา* ผ่านไป เสียงของสามีภรรยาสกุลชุยกับชุยฉวนเป่าก็ดังมาจากนอกประตูลาน
วันนี้พวกเขากลับมาเร็วเป็นพิเศษ ดวงตะวันเพิ่งจะคล้อยสู่ทิศตะวันตกก็กลับบ้านแล้ว พวกเขาเห็นรถม้าคันหรูจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านได้ตั้งแต่ไกล ทำให้พอจะคาดเดาได้ว่าสกุลหลิ่วส่งคนมาอีกแล้ว ด้วยเป็นห่วงฉยงเหนียงที่อยู่บ้านตามลำพัง พวกเขาจึงเร่งฝีเท้ามาทันที
ฉยงเหนียงเพิ่งจะยืนขึ้นจากหน้าเตา ยังไม่ทันขยับฝีเท้า หลิ่วผิงชวนก็เยื้องย่างอย่างอ่อนช้อยไปถึงหน้าประตูดุจนางแอ่นโผบิน พอเปิดประตูให้ด้วยตนเองก็มองสามีภรรยาสกุลชุยพร้อมหยาดน้ำที่รื้นหางตา
ชุยจงกับหลิวซื่อต่างก็ตะลึงงันเพราะนึกไม่ถึงว่าหลิ่วผิงชวนจะกลับมา อย่างไรเสียนี่ก็คือบุตรสาวที่พวกตนเลี้ยงดูมาสิบห้าปี ตอนเล็กๆ ที่ตัวอ่อนนิ่มก็อุ้มไว้แนบอกป้อนนมจนเติบใหญ่ ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่ลูกในไส้ แต่ชั่วข้ามคืนที่นางจากบ้านไป พวกเขาก็ยังหลั่งน้ำตาแห่งความคะนึงอย่างห้ามไม่อยู่ ตอนนี้พอได้พบหน้า หลิวซื่อจึงข่มใจไม่ไหวกอดหลิ่วผิงชวนไว้ในอ้อมอก
หลิ่วผิงชวนฉวยจังหวะตอนที่เอียงตัว รีบชำเลืองมองฉยงเหนียงที่ยืนอยู่หน้าห้องครัว พอเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าไร้ความรู้สึกยืนอยู่ตรงธรณีประตูมองนางกับหลิวซื่อกอดกัน ในใจนางก็ท่วมท้นด้วยอารมณ์เบิกบานที่ยากจะสะกดกลั้น