ฝ่ายหลิวซื่อพอได้ยินคำพูดนี้ก็ผลิยิ้มบนใบหน้า รู้สึกว่าพอฉยงเหนียงคลายทิฐิแล้วความจริงก็เป็นเด็กที่รู้จักเอาใจใส่ผู้อื่น ในจุดนี้เปรียบกับหลิ่วผิงชวนที่ช่างเอาชนะคะคานในทุกเรื่องแล้วยังเหนือกว่ามากนัก
ตอนนี้เองชุยฉวนเป่าที่นิ่งมองอยู่ด้านข้างมาตลอดก็ควักห่อกระดาษห่อหนึ่งจากในอกเสื้อยื่นส่งให้ฉยงเหนียง “พวกเขาบ้านผู้มีอันจะกินช่างมัธยัสถ์นัก กระทั่งเศษของเหลือก็อุตส่าห์จัดใส่กล่องมากำนัลผู้อื่นเพื่อเอาหน้าได้อีก รังนกอะไรนั่นแค่ฟังก็ได้กลิ่นขี้นกแล้ว ห่อนี้คือน้ำตาลจากต้นอ่อนข้าวสาลีที่พี่ซื้อตรงมุมถนน อีกประเดี๋ยวเจ้าเอามันไปชงน้ำดื่มเถอะ”
วาจาแดกดันนี้ทำให้สีหน้าของหลิ่วผิงชวนแปรเปลี่ยนในทันที เมื่อก่อนนางโวยวายใส่ชุยฉวนเป่าเป็นประจำจนเคยชินแล้ว หากเป็นเมื่อก่อนนางจะต้องด่าทอไล่หลังเขาไปอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้นางไม่มีฐานะจะทำเช่นนั้นอีก จึงได้แต่ลอบแค้นเคืองที่ชุยฉวนเป่าไม่รู้จักคิด
หลิวซื่อรู้สึกว่าคำพูดของบุตรชายชวนประดักประเดิดนักจึงรีบเอ่ยเบี่ยงประเด็น “เมื่อครู่ตอนกลับมาแม่ซื้อหมูสามชั้นมาด้วยสองจิน ในเมื่อผิงเอ๋อร์กลับมาแล้ว แม่ก็จะตุ๋นหมูสามชั้นให้พวกเจ้ากินดีหรือไม่” หลิวซื่อจำได้ว่าหลิ่วผิงชวนชอบกินหมูตุ๋นเป็นที่สุด
แต่น่าเสียดายที่นางลืมไปว่าชุยผิงเอ๋อร์คนเดิมของนางบัดนี้เป็นถึงคุณหนูสกุลหลิ่วผู้สูงส่งและได้กินอาหารชั้นเลิศทุกวัน มีหรือยังจะเห็นหมูสามชั้นที่นางซื้อจากริมทางอยู่ในสายตา
ภายหลังได้ชมภาพอันน่าสมเพชของฉยงเหนียงที่ร่วงตกลงมาจากก้อนเมฆแล้ว หลิ่วผิงชวนก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อ จะได้ไม่ใช้เวลานานไปจนเหยาซื่อนึกระแวงและไม่พอใจขึ้นมา
หลิ่วผิงชวนใคร่ครวญดูแล้วตนมาครั้งนี้ต้องทิ้งความคับอกคับใจไว้ให้ฉยงเหนียงนับไม่ถ้วนเป็นแน่ ตอนนี้อีกฝ่ายก็แค่ฝืนทำเยือกเย็นต่อหน้าตน รอจนตนจากไปแล้ว อีกฝ่ายจะต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนอาละวาดไม่ไยดีสามีภรรยาสกุลชุยแน่นอน ถึงตอนนั้นดูซิว่าชุยฉวนเป่าจะเสียใจภายหลังหรือไม่ที่ช่วยพูดประคองสถานการณ์ให้หญิงปากดีนั่น!
หลิ่วผิงชวนจึงลุกขึ้นกล่าวอำลา บอกเพียงว่าวันหน้าสะดวกจะมาเยี่ยมบิดามารดาสกุลชุยใหม่
ก่อนจากหลิ่วผิงชวนใช้ให้หลิวซื่อไปแบ่งผักดองที่ตนกินจนคุ้นลิ้นแล้วมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบากับฉยงเหนียงตอนที่คนอื่นๆ เผลอว่า “ตอนนี้พี่กลับมาสกุลชุยแล้ว ต่อให้ท่านแม่ที่สกุลหลิ่วมีใจจะช่วยเหลือพี่ แต่เพราะติดขัดที่พ่อแม่สกุลชุย ย่อมไม่สะดวกจะแสดงออกชัดเจนนัก ว่ากันถึงที่สุดแล้วคู่ครองของสตรีที่ยังไม่ออกเรือนต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุด ท่านแม่ที่สกุลหลิ่วได้ยินว่าอีกไม่ช้าจะมีผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งมาพำนักช่วงสั้นๆ ที่เชิงเขาสยาซานริมลำธารชิวถานนอกตำบลฝูหรงนี่เอง…ท่านผู้นั้นมีรูปโฉมไม่ธรรมดา ฐานะก็สูงส่ง ที่สำคัญที่สุดคือยังไม่ได้แต่งภรรยาเอก…”
พูดมาถึงตรงนี้หลิ่วผิงชวนก็จงใจเว้นไว้ ลูบคลำกำไลหยกสีเขียวปลอดบนข้อมือตนพลางมองพิจารณาชุดกระโปรงเนื้อหยาบของฉยงเหนียงราวกับสงสารเห็นใจอย่างที่สุด ก่อนจะเอ่ยต่อ “รูปโฉมของพี่สาวงดงามดุจบุปผาดั่งจันทราเช่นนี้ พี่จะต้องยึดกุมให้ทันท่วงทีเชียว หาไม่หากพ่อแม่สกุลชุยเลือกบุตรชาวนามาเป็นสามีของพี่ นี่สิจึงเรียกว่าไม่อาจพลิกฟื้นไปชั่วชีวิต”