ทว่าภายนอกเซี่ยเจินเจินยังคงยอบตัวคารวะหลี่ซิวเหยาอย่างนอบน้อม เอ่ยเรียกว่า “พี่ใหญ่” ก่อนจะยิ้มพลางกล่าวกับเขาว่า “เมื่อครู่พี่สะใภ้ใหญ่คิดว่าท่านอาจจะกลับมาแล้วก็รีบร้อนจะกลับไปพบท่าน คิดไม่ถึงว่าท่านกลับตามมาหาถึงที่นี่เสียก่อน”
หลี่ซิวเหยาได้ยินแล้วย่อมจะดีใจ มองเสิ่นหยวนด้วยแววตายิ้มปราดหนึ่ง รู้สึกว่าเซี่ยเจินเจินถือเป็นคนรู้กาลเทศะ ท่าทางที่มีต่อนางจึงอบอุ่นขึ้นกว่าที่ผ่านมาไม่น้อย
จากนั้นเซี่ยเจินเจินก็หันหน้าไปเรียกหลี่ซิวหยวน “ท่านพี่ พี่ใหญ่มาแล้ว ท่านมาพบเสียหน่อยเถอะ”
ตอนนี้เซี่ยเจินเจินเข้าใจแล้วว่าหลี่ซิวหยวนมีนิสัยคร่ำครึ คิดว่าคงไปได้ไม่ไกลในเส้นทางขุนนาง วันหน้ามิแคล้วยังต้องให้หลี่ซิวเหยาช่วยเกื้อหนุน ดังนั้นนางจึงหวังให้หลี่ซิวหยวนสามารถมีความสัมพันธ์อันดีกับหลี่ซิวเหยาได้ นี่ก็คือสาเหตุว่าเหตุใดจู่ๆ นางถึงกระตือรือร้นต่อเสิ่นหยวนมาก
ยามนี้สายตาของหลี่ซิวหยวนกำลังมองมือที่จับกุมกันอยู่ของหลี่ซิวเหยากับเสิ่นหยวน รวมถึงเสิ่นหยวนที่ยืนอยู่ข้างหลี่ซิวเหยาด้วยใบหน้าเอียงอาย
ได้ยินที่เซี่ยเจินเจินพูด หลี่ซิวหยวนก็ขมวดคิ้วอย่างรำคาญอยู่บ้าง แต่สุดท้ายยังคงเดินลงบันไดมายืนเบื้องหน้าหลี่ซิวเหยา เอ่ยเรียกอย่างเย็นชาเสร็จก็ไม่มีอย่างอื่นจะพูดอีก “พี่ใหญ่”
หลี่ซิวเหยาเองก็เพียงตอบรับในลำคออย่างเย็นชา จากนั้นก็พยักหน้าให้เซี่ยเจินเจิน แล้วกุมมือเสิ่นหยวนหมุนตัวเดินออกนอกประตูเรือนไป
มองดูเงาหลังของเสิ่นหยวนกับหลี่ซิวเหยา เซี่ยเจินเจินก็พูดขึ้นอย่างทอดถอนใจ “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ช่างรักใคร่กันดีโดยแท้! พอพี่สะใภ้ใหญ่คิดว่าพี่ใหญ่อาจกลับมาแล้วก็รีบจะกลับไปพบเขาทันที พี่ใหญ่เองกลับมาเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ไม่อยู่ในเรือนก็รีบตามหานางไปทั่วเช่นกัน พวกเขาสองคนแต่งงานกันมาสามเดือนกว่าแล้ว แต่ยังดูเหมือนห่างกันไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเวลาอยู่เลย”
หลี่ซิวหยวนได้ยินคำพูดของเซี่ยเจินเจิน ในใจก็รู้สึกไม่สบายยิ่ง สีหน้าเยียบเย็นลงทันใด
“เมื่อครู่เหตุใดเจ้าต้องเรียกข้ามาพบพี่ใหญ่ด้วย” เสียงของหลี่ซิวหยวนฟังดูเยียบเย็นเช่นกัน “อีกทั้งท่าทีที่เจ้ามีต่อเขาเมื่อครู่นี้ เจ้าคิดเอาใจเขา? ประจบเขา?”
เซี่ยเจินเจินได้ยินหลี่ซิวหยวนพูดเช่นนี้ก็อดจะอึ้งงันไปไม่ได้ ครั้นรู้สึกตัวนางก็รู้สึกฝาดเฝื่อนในใจและรู้สึกไม่เป็นธรรม
เมื่อก่อนนางก็เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเช่นกัน วันๆ รู้จักแต่อ่านหนังสือ ท่องกลอน แต่ตอนนี้นางแต่งงานเป็นภรรยาคนแล้ว อีกทั้งสามียังเป็นคนเช่นนี้ด้วย นางยังจะทำสิ่งใดได้อีกเล่า ไม่ว่าอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
ด้วยเหตุนี้เซี่ยเจินเจินจึงมองหลี่ซิวหยวนพลางพูดน้ำตาคลอ “ข้าจะทำอะไรได้ ท่านไม่คิดบ้างเล่าว่าตอนนี้ฝ่าบาทมีพระราชโอรสเพียงสองพระองค์ แม้องค์ชายใหญ่จะทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแล้ว แต่พี่ใหญ่เป็นแม่ทัพใหญ่ที่กุมกำลังทหารจำนวนมากอยู่ ในพระทัยฝ่าบาทก็ต้องหวั่นเกรงเขาเช่นกัน ถึงภายนอกขุนนางใหญ่ในราชสำนักจะล้วนดูถูกขุนนางบู๊ แต่อันที่จริงมีผู้ใดบ้างไม่เกรงกลัวพี่ใหญ่ ส่วนหลี่ซูเฟยนั้น ข้าเห็นว่าก็มีพระทัยทะเยอทะยานเช่นกัน นางทรงพยายามผูกมัดพี่ใหญ่เข้าเป็นพวกอยู่ตลอด ใครจะไปรู้ว่าสถานการณ์ในวันหน้าจะเป็นเช่นไร”