ซู่ชิงได้ยินแล้วในใจก็พลันเต้นกระตุก หากยังคงมิได้ส่งเสียง เพียงเงยหน้ามองหลี่ซิวหยวน ทว่ามือที่อยู่ในแขนเสื้อนั้นกำแน่น
ในมือหลี่ซิวหยวนยังกำถุงหอมใบนั้นไว้แน่น เขามิได้เงยหน้าขึ้นมา เพียงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “คืนนี้ข้าไม่กลับไป”
สีหน้าชิงอู๋แข็งค้าง คิดแล้วนางก็ยังคงเอ่ยว่า “นายท่าน ฮูหยินกำลังรอท่านกลับไปนะเจ้าคะ…”
ยังพูดไม่ทันจบดีก็ได้ยินเสียงของหลี่ซิวหยวนดังขึ้น “ออกไป”
ชิงอู๋มองดูสีหน้าเย็นชาของเขาแล้วก็ได้แต่ยอบตัวคารวะ ก่อนหันหลังเดินจากไป
ครั้นชิงอู๋จากไป ภายในห้องก็เริ่มเงียบลงอีกครั้ง
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินซู่ชิงถามขึ้นเสียงนุ่ม “นายท่าน คืนนี้ท่านจะนอนในห้องหนังสือนี้หรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะปูที่นอนให้ท่านเดี๋ยวนี้”
หลี่ซิวหยวนไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงแค่พยักหน้า
ซู่ชิงเห็นเขาพยักหน้าก็เผยสีหน้าดีใจ รีบหันไปหยิบผ้านวมที่มีเตรียมพร้อมไว้ในตู้เสื้อผ้าออกมาปูลงบนเตียงลงรักหลังเล็กๆ ในห้องข้างฝั่งตะวันตก
กลางวันวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งและแดดดียิ่ง ซู่ชิงจึงขนผ้าห่มในตู้เสื้อผ้าออกมาตากแดด ยามนั้นนางยังคิดในใจว่าไม่แน่วันใดหลี่ซิวหยวนจะมาที่ห้องหนังสือในเรือนส่วนหน้านี้ แล้วอาจนอนค้างที่นี่ก็เป็นได้
ทว่าต่อมาซู่ชิงกลับยิ้มเยาะตนเอง รู้สึกว่านางช่างคิดเข้าข้างตนเองโดยแท้ แต่ไรมาหลี่ซิวหยวนมาที่ห้องหนังสือในเรือนส่วนหน้าน้อยครั้งนัก และยิ่งไม่เคยนอนค้างที่นี่ แม้แต่ผ้าห่มที่เตรียมไว้เหล่านี้ก็ไม่รู้ว่าวางอยู่ในตู้มานานเท่าไรแล้ว
กระนั้นขณะที่ซู่ชิงก้มตัวปูที่นอน มุมปากนางก็ยังยกขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว ใจเริ่มเต้นตึกตักไม่เป็นส่ำ
จะว่าไปแล้ว แม้ซู่ชิงจะเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของหลี่ซิวหยวน แต่ก็มีแค่ตัวนางที่รู้ว่าระหว่างห้าปีมานี้หลี่ซิวหยวนเคยแตะต้องนางเพียงครั้งเดียว
อีกทั้งไม่กี่วันก่อนนางยังถูกเซี่ยเจินเจินหาเหตุไล่ให้มาอยู่ที่ห้องหนังสือในเรือนส่วนหน้านี้ ซู่ชิงยังนึกว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้อยู่ใกล้หลี่ซิวหยวนแล้วเสียอีก
ทว่าสวรรค์เมตตา วันนี้อีกฝ่ายถึงกับมาที่ห้องหนังสือในเรือนส่วนหน้านี้แล้ว มิหนำซ้ำยังบอกว่าจะค้างคืนที่นี่ด้วย
ครั้นปูเตียงเสร็จเรียบร้อยซู่ชิงก็ไปที่ห้องข้างฝั่งตะวันออกเพื่อเชิญหลี่ซิวหยวนมานอน
หลี่ซิวหยวนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนเดินเข้ามาในห้องข้างฝั่งตะวันตก มือยังคงกำถุงหอมใบนั้นไว้อยู่ เขาหยุดยืนที่หน้าเตียง ปล่อยให้ซู่ชิงถอดชุดตัวนอกออกให้ตนเอง
แม้หลี่ซิวหยวนจะผอมแต่ก็ตัวสูง ซู่ชิงยืนอยู่เบื้องหน้าเขาก็สูงเพียงระดับอกเขาเท่านั้น
ขณะยกมือแก้สายผูกเสื้อให้หลี่ซิวหยวน หัวใจของซู่ชิงก็เต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม แม้แต่ใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าว
หลังจากนำเสื้อตัวนอกของหลี่ซิวหยวนไปพาดไว้บนราวแขวนเสื้อสีแดงชาดที่ด้านข้างเสร็จ ซู่ชิงกลับมาอีกครั้งก็เห็นเขาสวมเพียงชุดนอนสีเขียวคราม เลิกผ้าห่มขึ้นเตียงไปแล้ว และกำลังนั่งพิงราวเตียงอยู่
บนโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็กที่ด้านข้างมีเชิงเทียนแปดเหลี่ยมลายครามเขียนลายดอกเสาวรสวางอยู่อันหนึ่ง ด้านบนมีแสงเทียนสีส้มอุ่นจุดอยู่ มันส่องกระทบบนร่างหลี่ซิวหยวน ทำให้เขาดูหล่อเหลาบริสุทธิ์ขึ้นกว่าเดิม ถึงยามนี้เขาจะกำลังขมวดคิ้วก็ไม่อาจทำลายความสง่าภูมิฐานของเขา
ซู่ชิงยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ยังคงมองหลี่ซิวหยวนด้วยสายตาเปี่ยมรักละมุน