ครั้นชิงเหอมาถึงห้องครัวเล็กก็ได้ยินพี่จางกำลังตำหนิเสี่ยวหลวน “ข้าขอเตือนให้เจ้าอยู่กับความเป็นจริงหน่อยจะดีกว่า อย่าใฝ่สูงเกินตัว เป็นแค่สาวใช้นางหนึ่งแท้ๆ คิดว่าตนเองเป็นคุณหนูจริงๆ หรือไร งานในครัวนี้ทั้งเหนื่อยทั้งสกปรก แต่ไฉนพวกเสี่ยวเฟิ่งกับเสี่ยวหมิงถึงทำได้ มีแต่เจ้าที่ทำไม่ได้? ทุกครั้งที่ถึงเวรเจ้า เจ้าไม่หาเรื่องนี้ก็หาเรื่องนั้นมาอ้างเพื่อจะไม่ต้องมา หรือข้ามีสี่แขนงอกออกมา สามารถทำงานตั้งมากมายในครัวนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นหรือ”
พูดยังไม่ทันจบก็เห็นชิงเหอถือกล่องอาหารรีบร้อนเดินเข้ามา
ด้วยเหตุนี้พี่จางจึงรีบฉีกยิ้มเอ่ย “แม่นางชิงเหอมาแล้วหรือ ข้าเพิ่งจะนึ่งขนมโป่งรากสนเสร็จ ยังร้อนๆ อยู่ เจ้ารีบมาลองชิมดู!”
พูดพลางนางก็หยิบขนมโป่งรากสนสีขาวหิมะจานหนึ่งออกมาจากในตู้กับข้าวที่ด้านข้าง
พี่จางเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา ฝีมืองานครัวก็ดี ปกติมักจะทำขนมให้สาวใช้ในเรือนนี้กินเป็นประจำ สาวใช้ในเรือนจิ้งหยวนจึงล้วนชอบนาง
แต่ยามนี้ชิงเหอย่อมไม่มีแก่ใจจะกินขนมอะไร นางเร่งฝีเท้าเดินมาวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะข้างเตา ก่อนเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม “พี่จาง เนื้อปลากะพงแล่กับยำขาหมูรมควันหั่นเป็นเส้นที่ทำวันนี้ ท่านล้างไม่สะอาดใช่หรือไม่ ไฉนเมื่อครู่ฮูหยินถึงบอกว่าอาหารสองจานนั้นมีกลิ่นคาวแรงยิ่ง นางไม่ได้กินเลยสักคำ แค่ได้กลิ่นก็อาเจียนแล้ว”
พี่จางได้ยินแล้วก็ตกใจยกใหญ่ รีบพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ารู้ว่าฮูหยินเป็นคนรักความสะอาด เวลาที่ข้าล้างวัตถุดิบมีครั้งใดที่ข้าไม่ล้างจนสะอาดบ้าง ปลากะพงวันนี้ตอนที่ข้าทำยังใส่ขิงสดกับสุราหวงจิ่ว* ลงไปดับกลิ่นด้วย แม้แต่ขาหมูรมควันนั้น ไม่กี่วันก่อนฮูหยินก็เพิ่งจะกินไป เวลานั้นก็มิใช่ยังกินได้ปกติ มิได้อาเจียนหรือไร”
พูดพลางพี่จางก็ยื่นมือไปเปิดฝากล่องอาหาร หยิบเนื้อปลากะพงแล่และยำขาหมูรมควันหั่นเป็นเส้นออกมาดมดู ก่อนจะพูดด้วยความแปลกใจ “ข้าดมแล้วไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย” ทั้งยังยื่นให้ชิงเหอดมดูด้วย
ชิงเหอดมแล้วก็ไม่ได้กลิ่นคาวแม้แต่น้อยนิดจริงๆ
“ไฉนฮูหยินถึงบอกว่าอาหารสองจานนี้มีกลิ่นแรงมาก มิหนำซ้ำนางยังอาเจียนด้วยเล่า” ชิงเหอไม่เข้าใจ
พี่จางคิดแล้วก็พลันตบมือ ก่อนพูดว่า “ข้ารู้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร!”
ชิงเหอรีบถามนาง แล้วก็ได้ยินพี่จางตอบยิ้มๆ ว่า “พวกเจ้าล้วนเป็นหญิงสาวพรหมจารี อีกทั้งนี่ก็เป็นครั้งแรกของฮูหยิน นางจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า เด็กโง่ นี่เป็นเรื่องน่ายินดี! ข้าขอถามเจ้าหน่อย เดือนนี้ฮูหยินระดูมาแล้วหรือไม่”
ชิงเหองงงวย “น่าจะยังไม่มากระมัง แต่ปกติระดูฮูหยินก็มาไม่ตรงเวลาอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว” พี่จางกล่าวยิ้มๆ “เจ้ายังไม่รีบไปบอกให้บ่าวชายไปเชิญหมอมาตรวจฮูหยินอีก? ข้าคิดว่าฮูหยินน่าจะมีครรภ์แล้ว”
ชิงเหอมองพี่จาง ปากอ้าตาค้างพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายพอถูกพี่จางเร่งนางถึงได้หันหลังวิ่งออกประตูไป
ส่วนเสี่ยวหลวนก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน
ฮูหยินถึงกับมีครรภ์แล้ว?
ในเมื่อฮูหยินมีครรภ์แล้ว ย่อมไม่สามารถปรนนิบัตินายท่านได้ ทว่ายามราตรีบุรุษจะไม่มีสตรีปรนนิบัติได้อย่างไร
หากนายท่านยังอยู่ เช่นนั้นนางก็มีโอกาสแน่นอน แต่ยามนี้นายท่านกลับออกเดินทางไกลไปแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไรถึงจะกลับมา นางกลายเป็นพลาดโอกาสอันดีไปเสียแล้ว!
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 พ.ย. 63