เสื้อคลุมนี้ทำจากผ้าต่วนหางโจว ลายกระเรียนและต้นสนที่ปักอยู่ด้านบนประณีตเหมือนจริง สีสุภาพงามสง่า พอมองดูก็นึกว่ากระเรียนเซียนสองตัวบนนั้นจะบินขึ้นฟ้าจริงๆ
เสิ่นเฉิงจางยื่นมือมารับไป ครั้นลูบลายปักบนนั้นก็รู้สึกปลาบปลื้มและพึงใจอย่างที่สุด
คำพูดของเสิ่นหยวนซึมซาบไปถึงส่วนลึกในใจเขาทุกคำ นับว่ามีใจกตัญญูที่บุตรสาวมีต่อบิดา
“เจ้ารู้ความจริงๆ แล้ว” เขาทอดถอนใจ “พ่อเห็นแล้วก็ดีใจ”
เขายิ้มให้นางอีก “จากนี้เวลาพ่อไปกลับจากทำงานจะต้องใส่เสื้อคลุมตัวนี้ที่เจ้าทำแน่นอน”
เสิ่นหยวนเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ท่าทางอ่อนหวานงดงามบริสุทธิ์ยิ่งนัก
เมื่อก่อนในใจนางรู้สึกใกล้ชิดกับเสิ่นเฉิงจางจริงๆ สิ่งที่แสดงออกต่อหน้าเขาจึงล้วนเป็นอารมณ์แท้จริงของตนเอง ทว่ากลับถูกเขาดุด่าไม่ชอบใจสารพัด ตอนนี้ในใจนางรู้สึกห่างเหินกับเขาแล้ว คำพูดคำจาติดจะพิธีรีตอง เขากลับรู้สึกปลาบปลื้มเสียอย่างนั้น
เสิ่นเฉิงจางรู้ว่าเสิ่นหยวนยังไม่ได้กินอาหารเย็น จึงสั่งให้บ่าวชายไปห้องครัว ถ่ายทอดคำสั่งของเขาให้ส่งอาหารดีๆ ปริมาณมากไปที่เรือนซู่อวี้ของเสิ่นหยวน
บ่าวชายตอบรับมือแนบลำตัว ก่อนหมุนตัวเดินออกไป
จากนั้นเสิ่นเฉิงจางก็หันหน้ามาพูดกับเสิ่นหยวน “เจ้านั่งเรือมาหลายวัน คงจะเหนื่อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
เสิ่นหยวนตอบรับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ก่อนพาไฉ่เวยและฉางหมัวมัวถอยออกจากห้องไป
กลางท้องฟ้าสีน้ำเงินมืดมิดมีจันทร์ข้างขึ้นลอยอยู่ดวงหนึ่ง ดวงดาวบางตาไม่กี่ดวงส่องกะพริบเลือนราง
เสิ่นหยวนค่อยๆ เดินไปตามระเบียงยาว เดินไปพลางมองดูทุกอย่างรอบตัวไปพลาง ในใจนิ่งสงบ
ฉางหมัวมัวกลับทอดถอนใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนู เมื่อครู่ท่านร้องไห้เหมือนจะขาดใจ บ่าวได้ยินแล้วปวดใจนัก”
เสิ่นหยวนยกยิ้ม หากนางไม่ร้องไห้จนทำให้คนปวดใจสะเทือนใจ เมื่อครู่บิดาจะอภัยต่อความผิดที่นางทำในอดีตอย่างง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไร บางครั้งการร้องไห้และแสดงความอ่อนแอก็เป็นฝีมืออย่างหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ผ่านมาเซวียอี๋เหนียงกับเสิ่นหลันใช้ลูกไม้นี้ได้ชำนาญเสียเหลือเกิน
เพียงครู่เดียวก็มาถึงเรือนซู่อวี้ ชิงจู๋กำลังยืนถือโคมกระดาษโครงไม้รอพวกนางอยู่หน้าประตูเรือน
ยามเสิ่นหยวนถูกบิดาส่งตัวไปฉางโจวข้างกายมีเพียงไฉ่เยวี่ย ไฉ่เวย และสาวใช้อายุน้อยอีกสองคนติดตามไปด้วย แต่ไปถึงฉางโจวได้ไม่ถึงสองเดือนก็มีสาวใช้อายุน้อยนางหนึ่งป่วยตาย
ต่อมาเสิ่นหยวนกลับมาเกิดใหม่ได้จัดการลงโทษไฉ่เยวี่ยไป สาวใช้อีกคนที่เหลือก็ถูกนางไล่ไปเช่นกัน
นางจำได้ว่าสาวใช้อายุน้อยผู้นั้นถูกเซวียอี๋เหนียงซื้อตัว มักจะนำเรื่องของนางไปบอกเซวียอี๋เหนียงเป็นประจำ ต่อมาข้างกายนางไม่มีคนให้เรียกใช้ ท่านตาจึงแบ่งสาวใช้ที่เพิ่งไว้ผมยาว* ได้ไม่นานมาให้นางสองคน นั่นก็คือชิงเหอและชิงจู๋ ซึ่งชิงเหอเป็นคนที่นางช่วยไว้ไม่ให้ถูกขายเข้าหอนางโลมและพากลับไปเป็นสาวใช้ที่บ้านท่านตา
ส่วนชิงจู๋เป็นเด็กสาวที่มีใบหน้ากลมและฉลาดหลักแหลมยิ่ง ครั้นมองเห็นเสิ่นหยวนกับพวกฉางหมัวมัวและไฉ่เวยเดินมาแต่ไกลก็รีบถือโคมมารับ กล่าวขึ้นยิ้มๆ ว่า “คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” จากนั้นก็ถือโคมส่องทางอยู่ข้างหน้านาง
ประตูสีเขียวสองบานของเรือนซู่อวี้เปิดอยู่ ตรงระเบียงมีโคมไฟแขวนไว้ ในห้องยิ่งมีแสงไฟสว่างโร่