เสิ่นหยวนก้มหน้าลงทันที ร่างบางยอบตัวคารวะเขาทีหนึ่ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ขอบคุณคุณชายหลี่ที่หวังดี แต่บ่าวกำลังรออยู่ชั้นล่าง ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
พูดพลางพาไฉ่เวยหมุนตัวเดินลงบันไดไป
แม้สายตาเมื่อครู่นี้จะทำให้เสิ่นหยวนตกใจ แต่เวลานี้นางจัดการอารมณ์ตนเองเรียบร้อยอย่างรวดเร็วแล้ว ภายในใจจึงกลับมาราบเรียบไร้ระลอกคลื่นอีกครั้ง
คนสกุลหลี่…ชาตินี้ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยอีกแล้ว ไม่พบได้ก็อย่าพบเป็นดีที่สุด หากพบแล้วก็ได้แต่หลบเสีย
ฉีหมิงที่คอยรับใช้อยู่ในห้องเห็นเช่นนี้ก็พึมพำในใจว่า…แม่นางเสิ่นท่านนี้กำลังหลบหน้าคุณชายของข้าแน่นอน คราวก่อนขณะแยกกันที่ท่าเรือเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ได้พบกันที่หอสุราก็ยังเป็นเหมือนเดิม แม่นางเสิ่นท่านนี้ไฉนต้องหลบคุณชายของข้าด้วยเล่า หรือว่าเมื่อก่อนคุณชายของข้าเคยทำนางผิดใจ?
ทว่าคำพูดเหล่านี้เขาเพียงกล้าคิดอยู่ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว สายตาที่หลี่ซิวเหยามองเขาตอนอยู่ที่ท่าเรือคราวก่อนยังเหมือนเกิดอยู่ตรงหน้า
หลี่ซิวเหยาแม้หน้าไม่เปลี่ยนสี แต่ในใจกลับคิดไม่ต่างจากฉีหมิง
นี่แม่นางเสิ่นกำลังเลี่ยงข้อครหาระหว่างชายหญิงหรือว่าจงใจหลบหน้าข้ากันแน่
หากแค่เลี่ยงข้อครหาระหว่างชายหญิงก็แล้วไป นอกจากครั้งนั้นที่ข้าช่วยนางและคราวก่อนที่นั่งเรือกลับเมืองหลวงด้วยกัน พวกเราก็ไม่เคยพบกันอีก เดิมก็นับไม่ได้ว่าคุ้นเคย แต่ถ้านางจงใจหลบหน้าข้า…
ดวงตาหลี่ซิวเหยาหรี่ลงน้อยๆ ทว่าเขาก็มิได้พูดอะไร นั่งกลับลงบนเก้าอี้ริมโต๊ะ เอื้อมมือไปหิ้วกาชาเทียนฉือที่เมื่อครู่เสี่ยวเอ้อร์ยกมาส่งรินลงในถ้วยชาตรงหน้าจนเต็ม ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มช้าๆ
เขาก็แค่นึกถึงบุญคุณที่ตอนนั้นนางให้เขาติดเรือมาด้วยเท่านั้น นางไม่รับค่าเรือจากเขา ในใจเขาก็รู้สึกว่าเหมือนติดค้างนาง ถึงได้เชิญให้นางมานั่งด้วยกัน ในเมื่อนางไม่ยินดี เช่นนั้นก็ช่างเถอะ
ขณะเสิ่นหยวนกำลังเดินลงบันไดก็มองเห็นสวีมามา
สวีมามานั่งอยู่ตรงโต๊ะสี่เหลี่ยมสีดำติดหน้าต่าง สายตามองไปนอกหน้าต่าง คงกำลังดูว่ารถม้าของจวนสกุลเสิ่นมาแล้วหรือไม่
จวบจนเสิ่นหยวนและไฉ่เวยเดินมาถึงตรงหน้าสวีมามาแล้ว นางก็ยังไม่สังเกตเห็น ไฉ่เวยเอ่ยปากเรียกสวีมามา นางถึงได้หันหน้ามา จากนั้นก็ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณหนูไม่นั่งในห้องส่วนตัว ลงมาทำไมเจ้าคะ รถม้าของจวนเรายังมาไม่ถึงเลย”
เสิ่นหยวนไม่อยากพูดเรื่องหลี่ซิวเหยากับสวีมามาให้มากความจึงเพียงบอกสั้นๆ “ห้องนั้นถูกคนจองไว้ก่อนแล้ว”
สวีมามาฟังแล้วก็มีสีหน้าโมโห ทำท่าจะไปถามเหล่าจางที่หลังโต๊ะเก็บเงินให้รู้ชัดและขอเงินคืนจากเขาทันที ทว่าถูกเสิ่นหยวนยกมือห้ามไว้ “สวีมามา ช่างเถอะ”
ในโถงใหญ่ชั้นล่างมีคนนั่งอยู่จำนวนมาก หากสวีมามาไปต่อล้อต่อเถียงจะก่อความยุ่งยากยิ่ง ทุกคนจึงนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนี้ อีกไม่นานรถม้าของจวนสกุลเสิ่นก็น่าจะมาถึงแล้ว ถึงตอนนั้นก็ไปจากที่นี่ได้
สวีมามาได้ยินเสิ่นหยวนพูดเช่นนี้ก็ได้แต่ปล่อยวาง
นางลุกขึ้นให้เสิ่นหยวนนั่งแทน ส่วนตนเองไปยืนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ กับไฉ่เวย
เสี่ยวเอ้อร์ยกชากาหนึ่งและของว่างอีกสองจานมาให้ ตอนนี้เหล่าจางรู้แล้วว่าตนเองเข้าใจเรื่องห้องผิดจึงรีบมาขอโทษเสิ่นหยวน ทั้งยังเอ่ยปากจะคืนเงินค่าห้องให้สวีมามา
เสิ่นหยวนฟังเขาพูดจบโดยที่มีรอยยิ้มบางๆ อยู่บนหน้าโดยตลอด สุดท้ายก็กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ท่านไปทำงานของท่านเถอะ”
รอยยิ้มสดใสอ่อนหวาน เสียงพูดนุ่มนวล…