หลี่ซิวเหยาบนชั้นสองมองดูฉากเหตุการณ์นี้ผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่ครึ่งบานด้วยแววตาเย็นชา
ยอมจะนั่งในโถงใหญ่ชั้นล่างที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่ไม่ยอมนั่งในห้องส่วนตัวอันเงียบสงบที่ชั้นบนกับข้า? ดูท่านางจะหลบข้าจริงๆ
ไม่รู้ว่าที่แล้วมาข้าเคยทำอะไรไว้กันแน่ แม่นางเสิ่นผู้นี้ถึงได้หลีกเลี่ยงข้าราวกับข้าเป็นงูเป็นแมงป่องเช่นนี้
หลี่ซิวเหยาค่อยๆ ดื่มน้ำชาในถ้วย สีหน้าเฉยชา
ฉีหมิงที่ด้านข้างไม่รู้ว่าหลี่ซิวเหยากำลังคิดอะไร ดื่มชาอยู่ดีๆ สุดท้ายกลับยกถ้วยชามายืนอยู่ตรงหน้าต่าง…
หากบอกว่าต้องการชมทิวทัศน์ หน้าต่างที่มีทิวทัศน์ให้ชมก็อยู่อีกด้านหนึ่ง หน้าต่างทางด้านนี้มองเห็นเพียงด้านในโถงใหญ่ ทว่าในโถงใหญ่มีอะไรน่ามองกัน มีแต่คนไปๆ มาๆ จ้อกแจ้กจอแจนัก
จากนั้นพอฉีหมิงชะโงกศีรษะมองดูอยู่ข้างๆ ก็รู้แล้วว่าหลี่ซิวเหยากำลังมองอะไร
มุมที่คุณชายยืนอยู่นี้มิใช่มองเห็นแม่นางเสิ่นพอดิบพอดีหรือ ซ้ำยังทำให้แม่นางเสิ่นมองไม่เห็นคุณชายด้วย เพียงแต่สองคนนี้จะทำอะไรกันแน่ คนหนึ่งหลบ อีกคนก็แอบมองลับหลังเช่นนี้…
ทว่าฉีหมิงไม่กล้าถาม ความคิดความอ่านของหลี่ซิวเหยาเขาไม่เคยกล้าเดาส่งเดช ยิ่งไม่กล้าถามส่งเดชเช่นกัน
เวลานี้เองก็ได้ยินเสียงรองเท้าดังมาตามทาง ฉีหมิงช้อนตาขึ้นมองไปก็เห็นหน้าประตูร้านมีคนมากลุ่มหนึ่ง
เป็นผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งห้อมล้อมคุณชายในชุดงามหรูหราผู้หนึ่งเดินเข้ามา
แม้คุณชายผู้นี้จะมีนับว่าหน้าตาเกลี้ยงเกลาน่ามอง ทว่าสีหน้าซูบซีดอิดโรย ก้นดวงตาดำมืด ไม่มีประกาย แค่เห็นก็รู้ว่ามีสาเหตุจากการตรากตรำเรื่องบนเตียงหนักเกินไปจนไตพร่อง อีกทั้งสองตาเขายังชำเลืองมองไปทั่ว ทำให้ดูเป็นคนเจ้าชู้เหลาะแหละ หมกมุ่นเรื่องใต้สะดือ
มีผู้ติดตามในชุดเสื้อนอกตัวยาวสีเขียวนกแก้วคนหนึ่งเดินเอื่อยเฉื่อยไปถึงหน้าโต๊ะเก็บเงิน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงวางโต “เอาห้องส่วนตัวให้พวกข้าห้องหนึ่ง ต้องเป็นห้องที่เปิดหน้าต่างแล้วมองเห็นทะเลสาบได้”
สาเหตุที่หอจุ้ยเซียวค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหลวงเป็นเพราะสร้างอยู่ข้างทะเลสาบขนาดใหญ่ เปิดหน้าต่างออกไปสามารถมองเห็นผืนน้ำใสสะอาดและดอกท้อแดงใบหลิวเขียวที่ด้านนอกได้ ดังนั้นคุณชายตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงจึงชอบมาพบปะร่ำสุรากันในหอสุราแห่งนี้
เหล่าจางที่กำลังง่วนกับการคิดบัญชีอยู่ที่โต๊ะเก็บเงินได้ยินน้ำเสียงส่อเจตนาไม่ดีนี้ก็รีบฉีกยิ้มกว้างพูดว่า “นายท่านท่านนี้ บังเอิญจริงๆ ที่วันนี้ห้องส่วนตัวในร้านถูกจองเต็มแล้ว เป็นวันพรุ่งนี้ท่านช่วยมาเร็วหน่อยได้หรือไม่ขอรับ ผู้น้อยจะต้องเตรียมห้องที่ดีที่สุดไว้ให้ท่านแน่นอน”
ผู้ติดตามผู้นั้นได้ยินแล้วก็ถลึงสองตาที่โตเหมือนตาวัว ยื่นมือใหญ่เหมือนใบลานข้างหนึ่งไปคว้าคอเสื้อเหล่าจางที่มีโต๊ะเก็บเงินกั้นกลาง ก่อนด่าว่า “ตาสุนัขของเจ้าบอดรึ! นายของพวกข้าเป็นถึงซื่อจื่อของก่วงผิงป๋อ ยอมเข้ามาหอสุราเล็กๆ นี้ของเจ้าก็ถือว่าให้เกียรติเจ้าแล้ว แต่กลับไม่มีห้องส่วนตัว ล้วนถูกคนจองเต็มแล้ว? เจ้าขึ้นไปไล่คนเหล่านั้นออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้ แล้วเชิญนายของข้าไปนั่งไม่เป็นรึ กลับมาพูดไร้สาระว่าให้นายของพวกข้ามาใหม่พรุ่งนี้เสียได้!” พูดพลางกำหมัดแน่น ทำท่าจะชกหน้าเหล่าจาง
มีเสียงหนึ่งห้ามปรามไว้ “ไหลฝู ช้าก่อน”
บ่าวเลวที่ถูกเรียกว่า ‘ไหลฝู’ ผู้นั้นหยุดมือลงก่อนหันหน้าไปมอง เห็นนายของพวกเขากำลังมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะริมหน้าต่างด้วยรอยยิ้มกริ่ม
แม่นางผู้นั้นสวมเสื้อนอกตัวยาวทำจากผ้าต่วนลายดอกสีม่วงอ่อนและกระโปรงจีบเล็กสีขาวปักลายดอกเหมยบนกิ่ง แม้นางจะใส่เสื้อผ้าสีเรียบ แต่รูปโฉมกลับงามเพริศพริ้งประหนึ่งแสงเงินแสงทอง ทำให้คนเห็นแล้วละสายตาไม่ได้
ทว่าคนงามกลับขมวดคิ้ว…
ซื่อจื่อของก่วงผิงป๋อผู้นี้เสิ่นหยวนเคยได้ข่าวมาบ้างเช่นกัน นางรู้ว่านามของเขาคือ ‘หวังซิ่นรุ่ย’ เป็นพวกตัณหากลับอย่างที่สุด ในเมืองหลวงมีคนแค่ไม่กี่คนที่กล้าควบคุมเขา
เหตุผลข้อแรกคือบิดาของเขาคือก่วงผิงป๋อซึ่งมีตำแหน่งอยู่ในห้าค่ายทัพแห่งสามกองกำลังใหญ่ตอนนี้ ในมือมีอำนาจจริง ส่วนข้อสองนั้นเป็นเพราะบุตรสาวคนโตสายตรงของก่วงผิงป๋อ หรือก็คือพี่สาวของหวังซิ่นรุ่ยผู้นี้ เพิ่งจะได้เลื่อนยศขึ้นเป็นอันผิน ในวังหลวง
อีกทั้งเสิ่นหยวนยังรู้อีกว่าอันผินผู้นี้ภายหน้าจะให้กำเนิดองค์ชายสาม สุดท้ายซ่งฮองเฮาไม่พอใจที่หลี่ซิวเหยากุมอำนาจการปกครองผ่านฮ่องเต้ หรือก็คือองค์ชายรอง จึงมีใจคิดจะปลดองค์ชายรองแล้วยกองค์ชายสามขึ้นครองพระราชบัลลังก์แทน
ส่วนเรื่องนี้สุดท้ายสำเร็จหรือไม่ เสิ่นหยวนไม่รู้แล้ว เวลานั้นนางถูกพิษตาบอด ทั้งวันอยู่แต่ในเรือนเล็กที่กระทั่งตัวนางเองยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ไหนเลยจะยังรู้เหตุการณ์ภายนอกได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก่วงผิงป๋อซื่อจื่อผู้นี้นางก็ยังล่วงเกินไม่ได้ ทว่ากลับเห็นเขาเดินมาหยุดเบื้องหน้านาง ยิ้มให้พลางพูดว่า “แม่นางท่านนี้ ข้านั่งตรงนี้ได้หรือไม่”
แม้ปากเขาจะเอ่ยถาม แต่ตัวกลับนั่งลงร่วมโต๊ะกับเสิ่นหยวนแล้ว ทั้งยังยื่นมือมาหมายจะจับมือเสิ่นหยวนที่วางอยู่บนโต๊ะด้วย
คนงามไม่เพียงหน้าตาน่ามอง มือก็น่ามองยิ่งเช่นกัน
ขาวๆ นุ่มๆ นิ้วก็เรียวบาง ราวกับสลักขึ้นจากหยกขาวมันแพะชั้นหนึ่งก็มิปาน
เสิ่นหยวนสังเกตเห็นเจตนาของเขา จึงชักมือตนเองกลับทันควัน ขณะเดียวกันสีหน้าก็เยียบเย็นลง
สวีมามาและไฉ่เวยอยู่ด้านข้างเสิ่นหยวน สวีมามาจึงเอ่ยปากพูดด้วยโทสะ “คุณชายท่านนี้ ขอท่านระวังกิริยาด้วย”