หวังซิ่นรุ่ยไม่ได้มองสวีมามา แต่เลื่อนสายตาไปวนเวียนอยู่บนใบหน้าของไฉ่เวย จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มไม่จริงจังอย่างที่สุด “สาวใช้ก็เป็นคนงามเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ยังเทียบเจ้านายไม่ติด” พูดพลางโบกมือไล่พวกนางสองคน “ไสหัวไป อย่ามารบกวนข้ากับคนงามประเล้าประโลมกัน”
สวีมามาโมโหจนสั่นไปทั้งร่าง เสิ่นหยวนในเวลานี้ลุกขึ้นยืนแล้ว นางพูดกับสวีมามาและไฉ่เวยเสียงเบา “ไปกันเถอะ” ก่อนจะหมุนตัวก้าวเท้าเดินไปทางประตูร้านอย่างรวดเร็ว
แต่มีหรือจะหนีไปได้ หวังซิ่นรุ่ยกวักมือ บ่าวเลวที่ติดตามมากับเขาเหล่านั้นพลันขวางทางไปของเสิ่นหยวนไว้พร้อมรอยยิ้มกริ่ม
หวังซิ่นรุ่ยยังคงยิ้มหยาบโลนอยู่อีกด้าน “อย่าทำให้คนงามของข้าตกใจ”
เสิ่นหยวนชักสีหน้าแล้ว
นางหันไปเผชิญหน้าหวังซิ่นรุ่ย ก่อนพูดเสียงเย็น “อยู่ใต้พระบาทโอรสสวรรค์ ขวางทางผู้อื่นโจ่งแจ้งเช่นนี้ ข้าต้องเรียนถามคุณชายสักคำ บ้านเมืองใช่มีกฎเกณฑ์อยู่หรือไม่”
หลี่ซิวเหยาที่ยืนดูเหตุการณ์นี้อยู่ที่หน้าต่างในห้องส่วนตัวชั้นสองขมวดคิ้วน้อยๆ เดินกลับไปที่โต๊ะ เสียงตึงดังขึ้นหนักๆ เขากระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะสูงอย่างแรง น้ำชาในถ้วยกระฉอกออกมาทันที
จากนั้นหลี่ซิวเหยาก็หมุนตัวทำท่าจะเดินออกประตู ทว่าเสียงของฉีหมิงดังขึ้นด้านหลังเขาอย่างรวดเร็วทันที “คุณชาย ก่วงผิงป๋อมีตำแหน่งในห้าค่ายทัพไม่ต่ำ ท่าน…ท่านต้องคิดให้ดีนะขอรับ”
หลี่ซิวเหยาเพิ่งกลับมาจากกรมทหาร รู้ว่าตำแหน่งที่เขาได้รับต่อจากนี้คือหัวหน้ากองในห้าค่ายทัพ หากไปล่วงเกินก่วงผิงป๋อเข้า อย่าว่าแต่เกรงว่าวันเวลาในห้าค่ายทัพของหลี่ซิวเหยาหลังจากนี้จะผ่านไปได้ไม่ดีเลย ตำแหน่งหัวหน้ากองนี้จะเป็นต่อไปได้อย่างมั่นคงปลอดภัยหรือไม่ก็ยังอาจเป็นปัญหา
หลี่ซิวเหยาได้ยินเช่นนี้ ฝีเท้าก็ชะงักลง ต่อจากนั้นเขาก็หันหน้ามองไปทางโถงใหญ่ชั้นล่างอีกครั้ง
รอยยิ้มบนหน้าหวังซิ่นรุ่ยยิ่งดูหื่นกระหายกว่าเดิม ทั้งยังสั่งให้สองคนขวางประตูหอสุราไว้ ไม่ปล่อยให้เสิ่นหยวนและสาวใช้ของนางออกไปด้วย
คิ้วยาวทั้งสองข้างของหลี่ซิวเหยาขมวดมุ่นยิ่งกว่าเก่า
ในใจเขาย่อมรู้ดีว่าไม่อาจล่วงเกินก่วงผิงป๋อซื่อจื่อ หากแต่…
ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดพอเขาเห็นเสิ่นหยวนถูกคนขวางไว้เช่นนี้ ในใจจึงรู้สึกอึดอัดยิ่ง
ถือเสียว่าใช้คืนบุญคุณที่นางให้เขาติดเรือมาด้วยเมื่อหลายวันก่อนแล้วกัน ส่วนก่วงผิงป๋อซื่อจื่อตรงหน้านี้ เขามีหรือจะโง่บอกที่มาของตนเองให้อีกฝ่ายสืบฐานะได้
ด้วยเหตุนี้หลี่ซิวเหยาจึงไม่ลังเลอีก ก้าวเท้าเดินออกจากประตูอย่างฉับไว เร่งฝีเท้าเดินลงไปที่โถงใหญ่ชั้นล่าง ฉีหมิงเห็นดังนี้ก็วิ่งเหยาะๆ ตามไป
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)