คุณประฮิมยิ้มพลางพยักหน้า “ลุงก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าชารีฟจะต้องพูดอย่างนี้ จะไปดูพรุ่งนี้เช้าเลยก็ได้ เย็นๆ ค่อยกลับมาคุยกัน เดี๋ยวลุงจะให้จิน่าพาไป”
เมื่อได้ยินชื่อของตัวเองหญิงสาวก็สะดุ้งเฮือก ทิ้งมาดนักธุรกิจสาวจนหมดเปลือก ประท้วงออกมาทันที “ทำไมเป็นจิน่าอีกแล้วล่ะคะพ่อ”
“อ้าว ก็วันที่ไปดูที่กันก็มีลูกไปกับพ่อสองคนนี่นา จะให้ใครพาชารีฟไปดูได้ล่ะ”
“ให้แผนที่พี่อาเดย์หรือพี่เรียอาร์ทไปสิคะ ไปไม่เห็นยากเลย”
“เนอมีนไม่สบาย จะให้อาเดย์ทิ้งพี่สะใภ้ของเราไปได้ยังไงกันล่ะ” บิดาให้เหตุผล
“อ้าว พี่เนอมีนเป็นอะไรไปล่ะคะ วันก่อนที่เจอกันยังเห็นดีๆ อยู่เลย” ฮะจิน่าหันไปถามพี่ชายคนโต
อาเดย์ที่เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าภรรยาของตัวเองไม่สบายในวินาทีนี้พยายามรับมุกที่บิดาส่งมาให้อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่วายตะกุกตะกัก “เอ้อ…ก็เป็นหวัดล่ะมั้ง เห็นบ่นปวดหัว เอ่อ…แล้วก็คลื่นไส้”
ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นน้องก็ยิ้มหวาน “ไม่แน่นะคะ จิน่าอาจจะใกล้ได้เป็นคุณอาแล้วก็ได้”
คนที่ ‘อาจจะใกล้’ ได้เป็นคุณพ่อเพียงแต่หัวเราะหึๆ ทำหน้าไม่ค่อยถูก
เมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลกลมใสหันมาจ้องเป๋งเรียอาร์ทก็รีบปฏิเสธทันที “พรุ่งนี้พี่มีนัดแล้ว”
“โอ๊ย” ฮะจิน่าร้องออกมาอย่างหมดความอดทน “ก็เลื่อนนัดสิคะ กะแค่สาวๆ ของพี่น่ะ งานการไม่ต้องทำกันรึไง”
เรียอาร์ทยิ้มแยกเขี้ยว “เปล่าสักหน่อยยายตัวยุ่ง พรุ่งนี้พี่มีนัดกับหมอฟันต่างหาก”
“ทำไมคะ โดนสาวไหนตบจนฟันแตกมาหรือไง”
ผู้ถูกกล่าวหายิงฟันให้เห็นครบทุกซี่ ตอบด้วยท่าทางทะเล้น “สาวๆ เขาไม่ยุ่งกับฟันพี่หรอก หยุดอยู่แค่ที่ริมฝีปากกับปลายลิ้นทั้งนั้นแหละ”
“แหยะ ทะลึ่ง” ฮะจิน่าค้อนขวับเข้าให้ก่อนจะหาข้ออ้างต่อ “แต่จิน่าคิดว่าคุณชารีฟคงจะไม่อยากให้จิน่าพาไปหรอกค่ะ จิน่าเป็นไกด์ที่ไม่ดีเท่าไหร่…จริงไหมคะคุณชารีฟ” ประโยคสุดท้ายเธอหันไปถามชารีฟด้วยสีหน้ายิ้มหวานแกมยั่วอย่างมั่นใจว่าหลังจากที่พาเขาไปดมกลิ่นที่แทนเนอรีส์แล้ว เขาคงจะเข็ดเกินกว่าจะไปไหนมาไหนกับเธออีกเป็นแน่
ชารีฟมองดวงหน้าใสกับท่าทางนั้นอย่างรู้เท่าทัน ซ่อนยิ้มก่อนจะตอบอย่างเรียบร้อยว่า “ใครว่ากันครับ คุณฮะจิน่าเป็นคนนำทางที่ดีมากต่างหาก ทำให้ผมได้เห็นรากฐานของมาร์ราเคช และได้ไปสถานที่พิเศษที่ไม่ได้ไปดูกันง่ายๆ”
มีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเลียนแบบคำพูดของเธอเมื่อบ่ายแทบจะคำต่อคำเลยทีเดียว แล้วก็จ้องดวงหน้าหล่อเหลานั้นอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเมื่อได้ยินเขาพูดต่อด้วยเสียงสุภาพว่า
“ถ้าไม่รังเกียจ พรุ่งนี้ก็ต้องขอรบกวนคุณฮะจิน่าอีกนะครับ”
“ก็แล้วถ้าฉันรังเกียจล่ะ” รอยยิ้มหวานไม่ได้อยู่บนดวงหน้าใสนั้นอีกต่อไปแล้ว หากปากยื่นเหมือนเด็กอารมณ์เสีย
“จิน่า พอได้แล้ว เสียมารยาทจริง” คุณประฮิมปราม “แล้วว่ายังไงล่ะ ลูกจะพาชารีฟไปหรือเปล่า”
ฮะจิน่านั่งเงียบ ตรองนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ในที่สุด “ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้จิน่าจะพาคุณชารีฟไปดูที่เอง”
“ตกลงกันได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว” ผู้สูงอายุที่สุดยิ้มออกมาอย่างพอใจ
มีเพียงชารีฟกับเรียอาร์ทเท่านั้นที่มองรอยยิ้มหวานกับประกายตาวาววับบนดวงหน้าสวยนั้นอย่างหวั่นใจยังไงชอบกล
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ตุลาคม 64)