วุฒิภาศกลับไปที่รถตู้อีกครั้ง เขาสั่งงานที่ได้รับมอบหมายต่อไปยังปารุสก์ เพราะปารุสก์ต้องทำหน้าที่หาหมายเลขโทรศัพท์ในสถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการต่อสายไปให้หัสยุทธอีกทอดหนึ่ง จากนั้นเขาก็กลับมาหาเจ้านายอีกครั้งพร้อมกับสายไมค์เล็กๆ ซึ่งต้องพ่วงเข้ากับหูฟังของหัสยุทธอีกที วุฒิภาศจัดเครื่องมือให้พร้อมกับรายงานไปด้วย
“รุสก์เตรียมอัดเทปแล้วครับ เขารอให้หัวหน้าพร้อมแล้วจะโทรเข้าธนาคารทันที”
“ขอบใจ นายเข้าไปนั่งในรถกับฉันด้วย”
“ครับ”
สภาพการณ์ภายนอกอาคารและบริเวณโดยรอบขณะนี้เต็มไปด้วยผู้คนแต่กลับเงียบกริบ ไทยมุงถูกควบคุมให้อยู่ในความสงบหากต้องการจะลอบสังเกตการณ์พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุมากจนเกินไป ถนนใหญ่หน้าธนาคารไม่ได้ถูกปิด รถรายังคงเคลื่อนที่ได้ตามปกติ นักเรียนอนุบาลทยอยออกจากโรงเรียนจนเกือบหมดแล้ว ซึ่งนั่นเป็นความต้องการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหลือไว้ก็เพียงรถกระบะของตำรวจซึ่งจอดเยื้องหน้าประตูกระจกของธนาคารออกไปเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุมากที่สุด
ด้านหน้ารถหันเข้ากับธนาคาร หัสยุทธเลือกขึ้นไปนั่งตรงตำแหน่งคนขับ โดยมีวุฒิภาศซึ่งตอนนี้สวมเสื้อเกราะเรียบร้อยแล้วเช่นกันนั่งอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มยื่นกล้องส่องทางไกลขนาดเล็กให้ผู้เป็นเจ้านาย จังหวะที่หัสยุทธรับมาถือไว้ก็มีเสียงคนเคาะกระจกตรงด้านหลังเบาะของเขาพอดี และเมื่อเจ้าหน้าที่ของหน่วยเจรจาต่อรอง ทั้งสองหันกลับไปดูก็พบโอบเกียรติทำสัญญาณมือให้รู้ว่าเขาจะช่วยสังเกตการณ์อยู่ด้านหลัง หัสยุทธพยักหน้ารับทราบ
เวลาที่ผ่านไปในแต่ละนาทีเพิ่มความเครียดให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ภายนอกอาคาร เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รู้เพียงแค่ได้ยินเสียงปืนและมีคนติดอยู่ด้านในนั้นด้วย หากทุกอย่างเรียบร้อยมันก็ควรจะมีคนเดินออกมาจากอาคารบ้าง แต่ตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณความเคลื่อนไหวใดๆ จากธนาคารเลย นอกจากเสียงปืน…
“ฮัลโหล รุสก์…ได้ยินไหม” หัสยุทธทดสอบเสียงกับไมค์ของเขา
“ได้ยินครับ เจ้านายพร้อมรึยัง”
“พร้อม ต่อสายเข้ามาเลย”
“ครับผม”
ปารุสก์เชื่อมต่อสัญญาณหมายเลขโทรศัพท์ของธนาคารเข้าไปยังเครื่องรับซึ่งติดไว้ที่ตัวของหัสยุทธเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกคนในทีมของ NIC ก็จะสามารถรับฟังการเจรจาต่อรองระหว่างเจ้านายของพวกเขากับคนร้ายได้ด้วย เสียงเรียกเข้าดังเป็นสัญญาณยาวๆ อยู่หลายครั้ง และยังไม่มีใครรับ…
ตื๊ดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดด
หัวใจของหัสยุทธเต้นแรง แม้จะทำหน้าที่นี้มาหลายครั้ง แต่เขาก็ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อรู้ว่ามีคนที่กำลังรอความช่วยเหลือจากเขาอยู่ อาจจะเป็นหนึ่งคน สองคน หรือแม้กระทั่งหลายคนอย่างในกรณีนี้ พวกเขาเป็นคน เป็นสิ่งมีชีวิต มีลมหายใจที่ต้องการจะออกมาจากสถานการณ์ที่คับขันนั่นอย่างปลอดภัย
“ไม่มีคนรับ” วุฒิภาศพูดเสียงเบา
“อื้ม ให้เวลามันหน่อย” หัสยุทธพูด “รุสก์วางสาย นับหนึ่งถึงห้าสิบแล้วโทรเข้าไปใหม่”
ปารุสก์รับคำแล้วปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
“มันอาจจะกำลังไม่แน่ใจหรือเกี่ยงกันอยู่”
“หัวหน้าคิดว่ามันมีมากกว่าหนึ่งคนเหรอครับ”
“แน่นอน ควบคุมแบบเบ็ดเสร็จได้ต้องมีคนมากกว่าหนึ่ง นายอย่าลืมสิว่าพนักงานไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะกดกริ่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ”
“จริงด้วย”
“แต่ฉันคิดว่าพวกมันคงไม่อยากเผชิญหน้ากับตำรวจหรอก”
“แสดงว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเลยเถิดเหรอครับ”
วุฒิภาศขอความเห็นของผู้บังคับบัญชา และหัสยุทธก็พยักหน้ารับ เขายกกล้องส่องทางไกลในมือขึ้นมาทาบกับดวงตา มันไม่ช่วยให้มองทะลุเข้าไปด้านในได้ชัดเจน แต่เขารู้สึกเห็นแสงวูบวาบในนั้น
“หากเกิดการตอบโต้ นั่นจะเป็นเพราะอารมณ์และความพยายามเอาตัวรอด เพราะฉะนั้นเราต้องใจเย็นให้มากที่สุด ต้องรู้ให้ได้ว่าเสียงปืนที่ดังขึ้นก่อนหน้าทำให้มีคนเจ็บหรือคนตายรึเปล่า”
เสียงนับเลขเบาๆ ของปารุสก์กระตุ้นทุกคนให้เตรียมตัวอีกครั้ง เพราะมันใกล้จะถึงห้าสิบแล้ว และเมื่อมันสิ้นสุดปารุสก์ก็เตือนให้ทุกคนรู้ว่าเขาจะกดเรียกหมายเลขเดิมอีกครั้ง หัสยุทธภาวนาให้คนในนั้นรับสายเพื่อเจรจากับเขา
ตื๊ดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดด
กึก…
“รับแล้ว” วุฒิภาศพูดเสียงเบาแล้วบันทึกเวลาที่มีคนรับสายไว้ในสมุดของเขา
หัสยุทธสูดลมหายใจลึกก่อนพูด “ฮัลโหล”
ยังไม่มีเสียงตอบ แต่ในสายสามารถได้ยินเสียงบางอย่างค่อนข้างชัดเจน มันคล้ายกับเสียงจากโฆษณาในโทรทัศน์
“…”
เหมือนเวลาจะผ่านไปนานกว่าสิบนาที ทั้งที่มันเพิ่งพ้นไปแค่สิบวินาที ไม่มีเสียงพูดของคนนอกจากเสียงลมหายใจ หัสยุทธตัดสินใจพูดอีกครั้ง
“ฮัลโหล ผมต้องการพูดสายกับคนที่ควบคุมสถานการณ์ภายในธนาคารอยู่ตอนนี้”
…แกร๊ก…
ทันทีที่หัสยุทธพูดจบ ฝ่ายนั้นก็วางสายลงทันที
“ไอ้…” เขาสบถ “มันไม่เจรจา”
“เอาไงครับ” เสียงจากปารุสก์ถามมาในสาย
“รอก่อน”
วุฒิภาศออกความเห็นบ้าง “ได้ยินเหมือนเสียงจากโทรทัศน์”
“น่าจะใช่ แสงวูบวาบที่เกิดขึ้นในธนาคารน่าจะเป็นแสงจากโทรทัศน์”
มีแต่ความอึดอัดที่เกิดขึ้นในหน่วยงานของ NIC หัสยุทธเริ่มคิดหาหนทางใหม่…