LOVE
ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 1-บทที่ 3
ด้านนอกรถตู้แม้ว่าฝูงชนจะถูกควบคุมไม่ให้เข้าไปวุ่นวายภายในสถานที่เกิดเหตุแล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่ตะโกนเรียกตำรวจตลอดเวลาเพื่อให้หันไปสนใจพวกเขา เนื่องจากตำรวจในสังกัดของโอบเกียรติเอาแต่ยืนเป็นหุ่นขี้ผึ้ง ไม่ได้สนใจว่าใครจะดูร้อนรนกระวนกระวายเพียงใด พวกเขามีหน้าที่แค่รักษาการณ์ให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นเท่านั้น มีเพียงอาสดาคนเดียวที่รู้สึกว่าผู้หญิงสูงวัยกับผู้ชายตัวสูงโย่งที่เอาแต่ตะโกนและโบกมือเป็นพัลวันนั้นมีบางอย่างที่น่าสนใจ เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนหลังเชือกกั้น
ทันทีที่เขาเดินเข้าไปใกล้ หญิงสูงวัยคนนั้นก็แทบจะพุ่งตัวข้ามเชือกมาดึงแขนของเขาไว้ อาสดาเบี่ยงตัวหลบนิดหนึ่งตามสัญชาตญาณที่ถูกฝึกมาให้มีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสิ่งผิดปกติ แต่หญิงคนนั้นก็ไม่ลดละความพยายามที่จะยื่นมือออกมาหา และเริ่มร้องไห้
“คุณตำรวจคะ สามีฉันอยู่ข้างใน เขาเอาเงินไปฝากในธนาคาร แต่ฉันติดต่อเขาไม่ได้เลย สงสัยต้องอยู่ข้างในนั้นแน่ๆ”
…ญาติของตัวประกัน…
นี่เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะได้รู้ว่ามีใครอยู่ด้านในบ้าง อาสดาเป็นฝ่ายกระโจนเข้าไปจับข้อมือหญิงสูงวัยคนนั้นไว้เอง
“เชิญมากับผมทางนี้ด้วยครับ”
นอกจากหญิงสูงวัยจะยินยอมตามมาด้วยความเต็มใจแล้ว ผู้ชายอีกคนที่น่าจะเป็นลูกของเธอก็รีบตามมาด้วย อาสดากันคนทั้งคู่ออกจากฝูงชน เขาต้องการสถานที่เงียบสงบสำหรับสอบถามข้อมูลกับญาติของตัวประกันรายนี้
“สิบห้านาทีแล้วรุสก์”
จู่ๆ เสียงกระตุ้นเตือนจากหัสยุทธก็ดังเข้าหู ปารุสก์สะดุ้งทั้งตัวก่อนตอบ
“คร้าบเจ้านาย ตอนนี้ผมได้รับอนุมัติจากฝ่ายไอทีให้เข้าตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดของธนาคารแล้วครับ แต่ต้องใช้เวลาดาวน์โหลดข้อมูลหน่อย ยืนยันว่ามีพนักงานของธนาคารทั้งหมดเจ็ดคน หญิงห้า ชายสอง ผู้จัดการสาขาชื่อวิรุฬ ประวัติแบบละเอียดยังไม่ได้ส่งมา เมื่อห้านาทีที่แล้วพี่อาสเจอญาติของหนึ่งในตัวประกัน ตอนนี้กำลังสอบปากคำอยู่และอาจจะมีญาติของคนอื่นอีกครับ”
“อืม”
“เจ้านาย…ผมอยากให้พี่วุฒิมาช่วยดูกล้องวงจรปิด ไล่ดูคนเดียวคงไม่ทันครับ ตอนนี้ได้ล็อกภาพจากกล้องเอกชนห้องริมสุดไว้สี่ห้าช็อต มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนร้ายครับ”
“โอเค ขอเจรจารอบสองก่อนแล้วจะปล่อยวุฒิไป”
“ครับผม แล้วเจ้านายจะให้ต่อสายเลยไหม”
“ได้”
“ปฏิบัติเดี๋ยวนี้ครับ”
ปารุสก์กำลังจะต่อสายเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีแขกอยู่บนรถด้วยอีกคน ชายร่างอวบจึงหันไปคุยกับถวิลก่อน
“เชิญท่านลงจากรถก่อนนะครับ ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมผมจะเรียกไปอีกครั้ง”
“อ้าว ทำไมไม่ให้ผมอยู่ล่ะ บางทีผมอาจจะช่วยในเรื่องการเจรจาได้นะ”
ปารุสก์ตีหน้าเคร่งแล้วผายมือไปทางประตู “เชิญครับ คนของท่านคงรออยู่ด้านนอก”
ถวิลจ้องมองด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้แล้วเปิดประตูรถตู้เดินออกไป ปารุสก์รอให้ประตูถูกปิดอีกครั้งแล้วจึงเริ่มงานของเขา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม คนในธนาคารต่างหันไปมองเป็นตาเดียว โอ่งยืนอยู่ตรงนั้นในขณะที่ผู้ช่วยของมันยกปืนขึ้นแล้วกวาดไปทั่วห้อง ทั้งพนักงานและลูกค้าจึงไม่มีใครกล้าส่งเสียง จากจุดที่วายร้ายยืนอยู่เขาสามารถมองเห็นรถตำรวจซึ่งจอดอยู่เยื้องหน้าธนาคารได้ถนัด แสงด้านนอกเริ่มโรยตัวลงแต่ก็ยังไม่มืด จึงมองเห็นเงาของชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นได้
โอ่งปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังอีกพักแล้วจึงยกหูขึ้นด้วยตัวเอง
“สวัสดี” เสียงของหัสยุทธทักขึ้นก่อน
“ฉันต้องการรถ”
“เดี๋ยวๆๆ คุยกันก่อน นายยิงปืนไปหลายนัด จับคนไว้ตั้งหลายคน”
หัวใจของโอ่งเต้นแรง เขาต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ เขาบอกตัวเองเช่นนั้น “แลกกัน”
“กับอะไร”
“คนเจ็บกับรถกระบะคันหนึ่ง”
เป็นครั้งแรกที่โจรปล้นธนาคารสารภาพกับตำรวจด้วยตัวเองว่ามีคนที่บาดเจ็บอยู่ด้วย
“นายมีคนเจ็บงั้นเหรอ”
โอ่งถอนใจอย่างหงุดหงิด “ใช่”
“นายทำให้คนบริสุทธิ์บาดเจ็บงั้นเหรอ”
“ใช่!”
“นอกจากจะปล้นธนาคารแล้ว นายยังทำให้คนบาดเจ็บด้วย”
“เออ! มึงจะเจรจาไหม!” ความนิ่งของหัสยุทธทำให้มันเริ่มโกรธ “ตอนนี้พนักงานเสียเลือดมาก ถ้ามันตาย กูไม่เกี่ยวนะ เป็นเพราะมึงเองนั่นแหละที่เอาแต่ถามซ้ำไปซ้ำมา”
“ใจเย็นๆ ฉันรู้แล้วว่านายมีคนเจ็บเป็นพนักงานธนาคาร เขามีบาดแผลที่ไหนล่ะ”
“ผู้หญิง…ลูกกระสุนเฉียดแขน มันจะกดสัญญาณเตือนภัย ฉันเลยต้องยิงมัน”
กลยุทธ์บีบคั้นโดยการถามคำถามซ้ำไปซ้ำมาและยื่นบาปให้คนร้ายกำลังได้ผล คนร้ายเริ่มบอกความจริงที่เกิดขึ้นให้รู้ทีละนิด
“โอเคๆ พนักงานหญิงมีบาดแผลที่แขน เสียเลือดไปมาก เธอต้องไปโรงพยาบาลนะ”
“ก็นั่นแหละ เอารถมาแลกสิ”
“พนักงานหนึ่งคนกับรถหนึ่งคัน ฉันว่ามันเป็นการเอาเปรียบกันมากเกินไปหน่อย”
โอ่งยกมืออีกข้างปิดหูโทรศัพท์ไว้แล้วกระซิบบอกลูกน้องของมันเบาๆ
“ไอ้ตุ่น…มันโยกโย้”
ตุ่นหันกลับไปสบตากับลูกพี่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล “มันไม่ยอมเหรอพี่ แต่เราไม่มีทางออกอื่นแล้วนะ ข้างบนก็ไม่มีทางหนี”
โอ่งไม่ตอบ แต่ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง “งั้นฉันจะยอมปล่อยอีกคน”
ทันทีที่เขาพูดออกไป ตัวประกันในห้องต่างก็ร้องโวยวายขึ้นมาพร้อมกัน เพราะทุกคนอยากเป็นคนที่ถูกเลือกให้ออกไปจากที่นี่พร้อมกับพนักงานหญิงที่บาดเจ็บทั้งนั้น
“เงียบ!” ตุ่นตะคอกพร้อมแกว่งปืนในมือไปมา
โอ่งยกมือขึ้นปิดหูโทรศัพท์อีกครั้ง เมื่อทุกเสียงสงบลงเขาจึงเริ่มการเจรจาใหม่ “คนเจ็บหนึ่งกับแม่บ้านอีกหนึ่ง”
การตัดสินใจของเขาทำให้แม่บ้านร้องไห้โฮด้วยความดีใจ แต่ลูกค้ากับพนักงานอีกหลายคนกลับน้ำตาซึมเพราะความผิดหวัง
“ผู้จัดการสาขา” หัสยุทธเป็นฝ่ายเลือกให้บ้าง แต่การเสนอของนายตำรวจอาจทำให้แม่บ้านยิ่งร้องไห้
“ไม่ได้” โอ่งปฏิเสธเสียงเข้ม “คนอื่น…รปภ.”
เสียงหัสยุทธถอนใจ “รปภ. แก่แล้วใช่ไหม”
“ใช่ กลัวว่ามันจะหัวใจวายตายซะก่อน”
“นี่นาย…นายคิดว่าเรื่องนี้มันจะจบลงยังไง”
โอ่งชะงักไปนิด เขาจ้องมองใบหน้าด้านข้างของตุ่นแล้วกรอกเสียงเรียบๆ ลงไปในโทรศัพท์ “ตกลงไหม”
“เมื่อนายได้รถ นายจะหนีไปอย่างมีความสุขงั้นเหรอ ทั้งที่ตรงนี้มีหน่วยสืบสวนอยู่ประมาณยี่สิบคนกับอาวุธครบมือ”
“ไม่ต้องพูดมาก ว่าไง…ตัวประกันสองคนกับรถกระบะ”
“อีกประมาณชั่วโมงฟ้าจะมืด คนจะเริ่มหิวเพราะถึงเวลาอาหารเย็น บางคนอาจจะต้องการทำธุระส่วนตัว แต่ในนั้นมันมืด ความมืดจะยิ่งทำให้เกิดความเครียด นายควบคุมความรู้สึกของคนทุกคนไว้ไม่ได้หรอก อีกไม่นานเหตุการณ์นี้มันจะจบ แต่ตอนนี้นายมีสิทธิ์เลือกว่าจะให้มันจบลงที่ตรงไหน”
โอ่งกัดฟันกรอด “อีกครึ่งชั่วโมงถ้ากูไม่ได้อย่างที่ขอ ตัวประกันสองคนที่ตกลงกันไว้จะออกไปอย่างไม่มีลมหายใจ”
…กึก…